แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยมาเอารถจักรยาน 2 ล้อของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์อ้างว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหายนายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไปแล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตน หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม้ เห็นได้ว่าจเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั่นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2519 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจลักเอารถจักรยาน 2 ล้อ 1 คัน ราคา 1,260 บาทของนายหนูเขื่อน ไชยแสนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลรักษาของนายจันทร์ พลซาไปโดยทุจริต เหตุเกิดที่ตำบลปวนพุ อำเภอภูกะดึง จังหวัดเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ให้จำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์1,260 บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้มาเอารถจักรยาน 2 ล้อของผู้เสียหายซึ่งฝากไว้กับนายจันทร์ โดยจำเลยว่าจะเอาไปให้ผู้เสียหาย แต่ก็หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ รถจักรยานของผู้เสียหายอยู่ในความครอบครองของนายจันทร์ การที่จำเลยมาบอกนายจันทร์ว่าจะเอาไปคืนให้ผู้เสียหาย นายจันทร์เห็นว่าจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนกันและมาฝากรถด้วยกันจึงมอบให้ไปแล้วจำเลยนำไปเป็นประโยชน์ของตน หาได้นำไปคืนให้ผู้เสียหายไม่ จึงอยู่ในลักษณะที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตมาแต่แรกแล้วหลอกลวงให้นายจันทร์หลงเชื่อด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จจนได้รถคันนั้นไปจากนายจันทร์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ไม่ใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ 554/2509ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดอุทัยธานี โจทก์ นายตุ่น เพ็ชร์สาริกิจ จำเลยเมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผล