แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีและใช้เครื่องชั่งที่ถูกแก้ไขและมีคำรับรองของเจ้าพนักงานและอ้าง พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด 2466 มาตรา 31, 32 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 32 ซึ่งเป็นบทหนักได้
เงินค่าสินบลผู้จับในคดีผิด พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัดนั้น ไม่มี ก.ม.ใดให้อำนาจอัยยการจะฟ้องเรียกสินบลให้แก่ผู้จับ
(อ้างฎีกา 362/2481, 218/2482)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีและใช้เครื่องชั่งที่ถูกแก้ไข โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่า เป็นเครื่องชั่งที่ถูกแก้ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด ๒๔๖๖ มาตรา ๓๑, ๓๒ และขอให้จำเลยจ่ายเงินค่าสินบลนำจับด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.มาตราชั่งตวงวัด ๒๔๖๖ มาตรา ๓๒ และ ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๙ จำคุกจำเลย ๒ เดือน ปรับ ๕๐๐ บาท ริบของกลาง ส่วนค่าสินบลนำจับ โจทก์มิได้เสียค่าธรรมเนียมมาในฟ้อง ให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๓๑ นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่ศาลอุทธรณ์วางโทษจำเลยตามมาตรา ๓๑ นั้น ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ในบท ก.ม. ที่ศาลวางโทษนี้ว่าคลาดเคลื่อนประการใด จึงไม่มีประเด็นมาสู่ศาลอุทธรณ์ คำบรรยายฟ้องของโจทก์ก็ต้องด้วยมาตรา ๓๒ วรรค ๒ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพอยู่แล้ว มาตรา ๓๒ มีโทษหนักกว่า มาตรา ๓๑ เมื่อกระทำผิดต้องด้วยหลายบทต้องวางโทษตามบทหนัก ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๗๐
ส่วนเงินค่าสินบลผู้นำจับนั้น ไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจอัยยการจะฟ้องเรียกสินบลให้แก่ผู้นำจับ จึงเป็นเรื่องนอกอำนาจและหน้าที่ของอัยยการ
พิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น