คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความว่า ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่า เพื่อประโยชน์เฉพาะแต่เป็นที่ประกอบการค้าเท่านั้น ก็ดี ถ้าหากเป็นที่เห็นได้ว่า วัตถุประสงค์แห่งการเช่านั้นเพื่ออยู่อาศัยแล้ว ข้อสัญญาเช่นว่านี้ก็หาเป็นประโยชน์แก่ผู้ให้เช่าไม่ ผู้เช่าคงได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ อยู่นั่นเอง
เช่าตึกเป็นที่อยู่อาศัย แม้จะได้ประกอบธุรกิจในตึกที่เช่าด้วย ก็ไม่ทำให้การเช่านี้อยู่นอกความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่า โดยอ้างว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า สัญญาเช่าหมดอายุแล้ว โจทก์ได้บอกกล่าวเลิกการเช่าแล้ว จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า เช่าเพื่ออนู่อาศัย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงแม้ตามสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องจะปรากฎว่า จำเลยจะใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อประโยชน์แต่เฉพาะเป็นที่ประกอบการค้าเท่านั้น ก็ดี ถ้าหากเป็นที่เห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่านั้นเพื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ข้อสัญญาเช่นว่าานี้ ก็หาเป็นประโยชน์แก่โจทก์ไม่ คดีเรื่องนี้จำเลยได้อยู่ในห้องนี้มาแต่ก่อน โดยอ้างว่าได้เช่าจากสำนักงานพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ เป็นที่อยู่อาศัย และทั้งจำเลยก็ได้ประกอบอาชีพค้าหินเช่นนี้มาก่อน การที่จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์นี้ ไม่ปรากฎ ถ้าหากจำเลยจะใช้ตึกรายนี้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว โจทก์จะไม่ยอมให้จำเลยเช่า ฉะนั้นตามพฤติการณ์และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ปรากฎในสำนวนนี้ แสดงว่าจำเลยได้เช่าตึกรายพิพาทเป็นที่อยู่อาศัย แม้จำเลยจะได้ประกอบธุรกิจในตึกรายนี้ด้วย ก็ไม่ทำให้การเช่าของจำเลยอยู่นอกความคุ้มครองแห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ โจทก์จึงขอให้ขับไล่จำเลยไม่ได้
จึงพิพากษา

Share