คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกหนี้ไปหลอกเอาโฉนดที่ให้เปนประกันเงินกู้จากเจ้าหนี้มาแล้วโอนขายให้ผู้อื่นต่อไปนั้น ลูกหนี้ไม่มีผิดฐานฉ้อโกง เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีหน้าที่รับแจ้งความเรื่องการชำระหนี้สิน เมื่อผู้ใดไปแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานว่าได้ใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้แล้ว จึงไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ
วิธีพิจารณาอาชญา แพ่ง ฟ้องคดีอาชญาปนแพ่งต้องเรียกค่าธรรมเนียมอย่างคดีแพ่งที่ดิน

ย่อยาว

ได้ความว่า ส.จำเลย กู้เงินโจทก์ไป ๒๓๕๐ บาท และมอบโฉนดซึ่งมีชื่อ ส.และสามีให้ไว้เปนประกัน ต่อมา ส.ไปหลอกลวงโจทก์ว่าจะขอโอนโฉนดรับมฤดกสามี แล้วจะโอนที่ให้แก่โจทก์เพื่อเปนการชำระหนี้ โจทก์จึงนำโฉนดไปส่งให้เจ้าพนักงาน จำเลยทั้ง ๒ สมคบกันแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานว่า ส.ใช้เงินกู้แก่โจทก์แล้ว ขอให้ทำสัญญาโอนขายที่นี้ให้แก่ ต.จำเลย เจ้าพนักงานจึงทำสัญญาซื้อขายให้ บัดนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ฐานแจ้งความเท็จ ฐานปลอมหนังสือ และขอให้ทำลายการโอน กับให้จำเลยใช้เงิน ๒๘๐๐ บาท
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๒๖-๓๐๙ ให้จำคุกไว้คนละ ๑ ปี และให้ทำลายการโอน กับให้ ส.จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับ ให้ยกฟ้องในคดีอาชญาคงตัดสินยืนในคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้อง ส.จำเลย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่จำเลยแจ้งแก่เจ้าพนักงานว่า ส.ใช้หนี้โจทก์แล้วนั้น เจ้าพนักงานที่ดินหามีหน้าที่รับแจ้งความเรื่องเช่นนี้ไม่ ฉะนั้นจำเลยจึงไม่มีผิดฐานแจ้งความเท็จ และการที่โจทก์ยึดโฉนดของ ส. ไว้ ก็เปนแต่ ส.แสดงหลักฐานแก่โจทก์เท่านั้น ส.มีสิทธิโอนให้ผู้ใดก็ได้ และเห็นต่อไปว่าที่ศาลเดิมวางบท ๒๒๖-๓๐๙ ลงโทษจำเลยก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่คดีอาชญานี้โจทก์ตั้งทุนทรัพย์เปนคดีแพ่งปนมาด้วย ซึ่งจำเลยต้องเสียค่าธรรมเนียม จึงให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมแทนจำเลย

Share