แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 สร้างอยู่บนคลองระบายพระยาพิสูตร์หรือคลองแสมขาว ซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนมีสิทธิใช้ร่วมกัน โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ใช้ประโยชน์ในสะพานมาก่อน โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิใช้ประโยชน์ในสะพานรวมทั้งที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสอง การที่จำเลยทั้งสองรื้อถอนสะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 เหลือแต่เสาบางส่วน สร้างบ้านพักคนงานคร่อมบนสะพานและทำคานไม้สำหรับวางสิ่งของ เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ไม่สามารถนำเรือมาจอดเทียบสะพานได้ จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิได้รับค่าเสียหายนับแต่วันที่จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่ กว้างประมาณ 12 เมตร และขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากที่ดินพิพาท ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้ามาในบริเวณที่ดินพิพาทหากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอน ให้โจทก์ทั้งสองเป็นผู้รื้อถอนโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 5,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 3,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง และชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เดือนละ 5,000 บาท โจทก์ที่ 2 เดือนละ 3,000 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2556 จนกว่าจำเลยทั้งสองและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านพักคนงานที่ปลูกสร้างติดกับสะพานพิพาทหรือท่าน้ำ และรื้อถอนคานไม้ที่ใช้วางสิ่งของออกเพื่อให้โจทก์ที่ 1 สามารถใช้ประโยชน์โดยนำเรือไปจอดข้างสะพานพิพาททั้งสองฝั่งได้ดีตามสภาพเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ที่ 1 เป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เดือนละ 2,000 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2556 จนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนบ้านพักคนงานและคานไม้เพื่อให้สะพานพิพาทใช้การได้ดี ยกฟ้องโจทก์ที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกคำขอส่วนที่หากจำเลยทั้งสองไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ให้โจทก์ที่ 1 เป็นผู้รื้อถอนโดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ที่ 1 ประกอบอาชีพต่อเรือและซ่อมแซมเรือประมง และเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 26858 โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 26859 หลังจากฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2557 โจทก์ที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 26859 ให้แก่โจทก์ที่ 1 เดิมที่ดินทั้งสองแปลงเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 5689 ที่นายสุดกำลังแบ่งแยกและจัดสรรขายแก่บุคคลทั่วไป โจทก์ทั้งสองและจำเลยทั้งสองซื้อที่ดินที่นายสุดกำลังจัดสรร ด้านทิศเหนือของที่ดินทั้งสองแปลงติดถนนจัดสรรที่นายสุดกำลังจดทะเบียนให้เป็นภาระจำยอม ถัดจากถนนขึ้นไปเป็นคลองระบายพระยาพิสูตร์หรือคลองแสมขาวซึ่งเป็นคลองสาธารณประโยชน์ที่ดินพิพาทเป็นที่ชายตลิ่งริมคลองติดกับถนนมีสะพานไม้กว้างประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 12 เมตร ยื่นลงไปในคลองอยู่ระหว่างบ้านพักคนงานของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ที่ 1 ใช้ประโยชน์จากสะพานไม้ดังกล่าวโดยให้ลูกค้านำเรือมาจอดเทียบสะพาน เพื่อซ่อมแซมเรือเล็กน้อยไม่ต้องลากเรือขึ้นไปบนคานเรือ ต่อมามีการรื้อถอนสะพานไม้ออกไปแล้วจำเลยทั้งสองทำสะพานทางเดินพื้นคอนกรีตขึ้นใหม่ทับเสาสะพานเดิมปลูกสร้างบ้านพักคนงานคร่อมแนวสะพานเดิมและทำคานสำหรับวางสิ่งของ โจทก์ที่ 1 ฟ้องจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันใช้ จ้าง วานผู้อื่นทำให้เสียทรัพย์สะพานไม้พิพาท และขอให้ร่วมกันชำระค่าเสียหาย ศาลฎีกาพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองและปรับ โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 30,000 บาท ตามสำเนาคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 3493/2559 ท้ายรายงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 ไม่อุทธรณ์ คดีสำหรับโจทก์ที่ 2 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ที่ 1 เบิกความว่า โจทก์ที่ 1 ซื้อที่ดินจากนายสุดกำลังเมื่อปี 2540 แต่รับโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2548 หลังจากซื้อที่ดินได้นำหินก้อนใหญ่ถมบริเวณริมคลองระบายพระยาพิสูตร์หรือคลองแสมขาวหน้าที่ดินของโจทก์ที่ 1 เพื่อกันการกัดเซาะหน้าดิน และสร้างสะพานไม้เพื่อให้ลูกค้าที่นำเรือมาซ่อมแซมเล็กน้อยจอดเทียบแล้วให้คนงานขนอุปกรณ์ลงไปซ่อมแซม โจทก์ที่ 1 ใช้ประโยชน์จากบริเวณริมคลองดังกล่าวตั้งแต่ซื้อที่ดินมา วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 จำเลยทั้งสองนำคนงานรื้อถอนสะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 และสร้างสะพานทางเดินพื้นคอนกรีตขึ้นใหม่ สร้างบ้านพักคนงานด้านขวาของสะพาน ส่วนด้านซ้ายทำคานไม้สำหรับวางสิ่งของ และมีนายปรีชา กำนันตำบลสองคลอง กับนายชาตรี น้องภริยาโจทก์ที่ 1 เป็นพยานเบิกความสอดคล้องกันว่า พยานทั้งสองเคยนำเรือประมงไปให้โจทก์ที่ 1 ซ่อมแซมเก๋งเรือ โดยจอดเรือเทียบสะพานทั้งสองข้างระหว่างบ้านพักคนงานของโจทก์ทั้งสอง ต่อมาประมาณปี 2556 พยานทั้งสองนำเรือประมงไปให้โจทก์ที่ 1 ซ่อมแซมแต่ไม่สามารถนำเรือจอดได้ เพราะจำเลยทั้งสองสร้างบ้านพักคนงานคร่อมทับสะพานและทำคานไม้กั้นไม่ให้เรือเข้ามาจอดสนับสนุนคำเบิกความของโจทก์ที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 1 เบิกความในคดีอาญาที่โจทก์ที่ 1 ฟ้องจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันใช้ จ้าง วานผู้อื่นทำให้เสียทรัพย์ยอมรับว่า จำเลยที่ 1 สร้างบ้านพักคนงานข้างสะพานไม้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ตามคำเบิกความในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 6359/2556 ของศาลชั้นต้น จึงเจือสมกับคำเบิกความและพยานหลักฐานของโจทก์ที่ 1 โดยเฉพาะภาพถ่ายที่โจทก์ที่ 1 ยืนยันว่าถ่ายภาพเมื่อปี 2548 ขณะนั้นยังไม่มีบ้านพักคนงานของจำเลยทั้งสองอยู่ระหว่างบ้านพักคนงานของโจทก์ทั้งสอง แต่จำเลยทั้งสองเพิ่งก่อสร้างบ้านพักคนงานในภายหลังเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 เห็นได้จากคานไม้ด้านซ้ายสำหรับวางสิ่งของยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และมีกระเบื้องหลังคาวางอยู่ใกล้สะพานกับบ้านพักคนงานของจำเลยทั้งสอง ที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่า จำเลยทั้งสองสร้างบ้านพักคนงานนานมาแล้วโดยได้รับอนุญาตจากนายสุดกำลังนั้น เป็นคำเบิกความของจำเลยทั้งสองลอย ๆ ไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุนและขัดกับภาพถ่ายดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง นอกจากนี้ในคดีอาญาดังกล่าวศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้ใช้ จ้าง วานให้ผู้อื่นรื้อถอนสะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 และสร้างบ้านพักคนงานคร่อมบนสะพาน แม้สะพานดังกล่าวสร้างอยู่บนคลองระบายพระยาพิสูตร์หรือคลองแสมขาวเป็นทางน้ำสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนมีสิทธิใช้ร่วมกันก็ตาม แต่โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ใช้ประโยชน์ในสะพานมาก่อน โจทก์ที่ 1 จึงมีสิทธิใช้ประโยชน์ในสะพานรวมทั้งที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลยทั้งสอง การที่จำเลยทั้งสองรื้อถอนสะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 เหลือแต่เสาบางส่วน สร้างบ้านพักคนงานคร่อมบนสะพานและทำคานไม้สำหรับวางสิ่งของ เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ไม่สามารถนำเรือมาจอดเทียบสะพานได้จึงเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาชัดแจ้งว่าให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านพักคนงานที่ปลูกสร้างติดกับสะพานหรือท่าน้ำและรื้อถอนคานไม้ที่ใช้วางสิ่งของออก เพื่อให้โจทก์ที่ 1 สามารถใช้ประโยชน์โดยนำเรือไปจอดข้างสะพานทั้งสองฝั่งได้ดีตามสภาพเดิม จำเลยทั้งสองมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าสะพานไม้ของโจทก์ที่ 1 ที่จำเลยทั้งสองรื้อถอนและสร้างบ้านพักคนงานคร่อมบนสะพานมีความกว้างเท่าใดเพื่อให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ทั้งสองยื่นฟ้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย หากเกิดปัญหาขึ้นในการบังคับคดีก็เป็นเรื่องที่จะต้องว่ากล่าวกันในชั้นบังคับคดีต่อไป
อนึ่ง ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2556 จึงมีสิทธิได้รับค่าเสียหายนับแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2556 คำนวณถึงวันฟ้อง (วันที่ 2 สิงหาคม 2556) เป็นเวลา 11 วัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายส่วนนี้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเวลา 1 เดือนเต็มและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน เป็นการพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดเกินกว่าคำฟ้องของโจทก์ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายนับแต่วันทำละเมิดถึงวันฟ้อง 733.26 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 2 สิงหาคม 2556) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1 เดือนละ 2,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนบ้านพักคนงานและคานไม้เพื่อให้สะพานใช้การได้ดีเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ