แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในประเด็นอำนาจฟ้อง ปัญหานี้ย่อมยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อนี้ขึ้นมาจึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249 วรรคแรก (เดิม) สินค้าที่เสียหายเกิดจากการขนส่งทางทะเล จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งร่วมทอดสุดท้ายต้องร่วมรับผิดในความเสียหายดังกล่าวโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชำระแทนให้ผู้รับตราส่งไปแล้วจึงรับช่วงสิทธิจากผู้รับตราส่งมาฟ้องเรียกคืนจากจำเลยได้ จำเลยฎีกาในข้อที่มิได้ให้การไว้ จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นจากข้อต่อสู้ของจำเลย แม้ศาลชั้นต้นหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย ก็ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวโดยชอบในศาลชั้นต้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเลที่บริษัทแทสแมนพัลพ์แอนด์เปเปอร์ จำกัด ผู้ขายในประเทศนิวซีแลนด์ว่าจ้างสายการเดินเรือเนดลอยด์ขนส่งม้วนกระดาษสำหรับพิมพ์หนังสือพิมพ์จากประเทศนิวซีแลนด์มายังประเทศไทยเพื่อส่งมอบแก่บริษัทไทยฮั้วการค้าสากล จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยรุ่งกิจอิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต ผู้ซื้อและสายการเดินเรือเนดลอยด์มอบหมายให้จำเลยเป็นผู้ทำการขนส่งรวมอีกทอดหนึ่งเมื่อเรือมาถึงได้เข้าเทียบท่าที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย และมีการขนถ่ายสินค้าลงจากเรือเดินทะเล แล้วมีการสำรวจพบว่าม้วนกระดาษที่ส่งมาเปียกเปื้อนและแห้งแข็งเสียหายในระหว่างการขนส่งเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 266,460.21 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวไปแล้วจึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 266,460.21 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า การประกันภัยสินค้าตามกรมธรรม์ประกันภัยที่โจทก์ฟ้องเป็นการประกันภัยที่โจทก์รับเสี่ยงภัยจากท่าเรือประเทศนิวซีแลนด์มาสิ้นสุดที่ท่าเรือแห่งประเทศไทยเท่านั้น แต่ความเสียหายที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยรับผิดนั้นเป็นความเสียหายที่มิได้เกิดขึ้นในระหว่างการขนส่งจากท่าเรือประเทศนิวซีแลนด์ถึงท่าเรือแห่งประเทศไทย แต่เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากผู้ซื้อได้รับมอบสินค้าแล้ว เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากความรับผิดของโจทก์ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าเสียหายแก่ผู้ซื้อ เมื่อโจทก์ชำระไปเองโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิมาเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้ จำเลยเป็นเพียงตัวแทนบริษัทเจ้าของเรือ มีหน้าที่ติดต่อหน่วยราชการแทนเจ้าของเรือและอำนวยความสะดวกเพื่อให้สินค้าถึงมือผู้ซื้อ จำเลยมิได้เป็นผู้ขนส่งหรือร่วมขนส่งสินค้ารายนี้ สินค้าเสียหายเพียงเล็กน้อยซึ่งเกิดจากสภาพธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศในระหว่างขนส่งอันเป็นเหตุสุดวิสัย โจทก์ฟ้องคดีนี้เกิน 1 ปี นับแต่วันส่งมอบสินค้าแก่ผู้ซื้อ จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 25,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงิน 266,460.21 บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่าผู้ลงลายมือชื่อในกรมธรรม์ประกันภัยบางฉบับมิใช่ผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ในประเด็นข้อนี้ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยแล้วว่า สัญญาประกันภัยทุกฉบับมีผลผูกพันโจทก์ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อนี้ ปัญหานี้ย่อมเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาในปัญหาข้อนี้ขึ้นมาจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก (เดิม)ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ความเสียหายของสินค้าที่ตรวจพบภายหลังจากการขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลลงเรือโป๊ะเหล็กแล้วมิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขนส่งทางทะเลนั้น ได้ความจากคำเบิกความของนายวิศิษฐ์ ลิ้มเจริญสุข นายสมศักดิ์ สุวิชาธิการและนายทวีศักดิ์ โพธิ์รุกขา พยานโจทก์ประกอบพยานเอกสารว่าในการสำรวจความเสียหายของสินค้าขณะขนถ่ายจากเรือเดินทะเลลงเรือโป๊ะเหล็กที่เจ้าหน้าที่เรือกับผู้รับจ้างของจำเลยร่วมกันทำการสำรวจไว้ ตามใบแจ้งความเสียหายของสินค้าขณะขนถ่ายลงข้างเรือกับรายการสินค้าแตกหักและชำรุดนั้น เป็นการสำรวจเพียงคร่าว ๆเพราะสินค้าที่บรรทุกมาในเรือเดินทะเลมีจำนวนมาก และการขนถ่ายสินค้าม้วนกระดาษกระทำครั้งละ 4 ม้วน การสำรวจต้องกระทำโดยรีบด่วนทั้งกลางวันและกลางคืน อาจสำรวจได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากขณะขนถ่ายขอบม้วนกระดาษอาจชนกันทำให้มองไม่เห็น และเป็นการสำรวจของทางเรือเดินทะเลฝ่ายเดียวโดยทางฝ่ายโจทก์ไม่ได้ไปร่วมด้วยส่วนการสำรวจของโจทก์โดยบริษัทเบนแอ๊ดจัสเตอร์สแอนด์เซอเวเยอร์ส(กรุงเทพฯ) จำกัด ก่อนจะสำรวจได้มีการแจ้งให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยไม่ยอมส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมสำรวจด้วย หลังจากบริษัทเบนแอ๊ดจัสเตอร์สแอนด์เซอเวเยอร์ส (กรุงเทพฯ) จำกัดได้สำรวจแล้ว ปรากฏว่าสินค้าม้วนกระดาษเปียกเปื้อนและแข็งแห้งกล่าวคือ ของบริษัทไทยฮั้วการค้าสากล จำกัด ที่ขนส่งโดยเรือเนดลอยด์ บัลติมอร์ เที่ยวที่ 36 จำนวน 121 ม้วน ที่ขนส่งมาโดยเรือเนดลอยด์ บาร์เซโลน่า เที่ยวที่ 40 จำนวน 27 ม้วนที่ขนส่งโดยเรือเนดลอยด์ บัลติมอร์ เที่ยวที่ 39 จำนวน 77 ม้วนที่ขนส่งมาโดยเรือเนดลอยด์ บาร์เซโลนา เที่ยวที่ 41 จำนวน18 ม้วน และของห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยรุ่งกิจอิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ตที่ขนส่งมาโดยเรือเนดลอยด์ บัลติมอร์ เที่ยวที่ 39 จำนวน 4 ม้วนรวมเป็นค่าเสียหาย 271,035.12 บาท ตามรายงานการสำรวจสินค้าเอกสารหมาย จ.12 จ.20 จ.29 และ จ.37 พร้อมคำแปล แต่โจทก์ฟ้องเรียกร้องคดีนี้เพียง 266,460.21 บาท ความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นจากการขนส่งทางทะเล เพราะม้วนกระดาษจะเปียกและแข็งแห้งได้ในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกน้ำมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 วัน และเรือโป๊ะเหล็กถูกลากจูงไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาและลัดเข้าคลองไปยังท่าปากคลองขุดใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เท่านั้นเรือโป๊ะเหล็กบรรทุกสินค้าดังกล่าวได้คลุมผ้าใบไว้ทั้งหมด และระหว่างขนถ่ายสินค้าจากเรือเดินทะเลไปส่งที่คลังสินค้าของผู้รับตราส่งไม่มีฝนตก ดังนี้ พยานโจทก์ทั้งสามเบิกความได้สอดคล้องต้องกันกับพยานเอกสารดังกล่าว พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักในการรับฟัง ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า การที่สินค้าเกิดความเสียหายมากกว่าตามที่ได้สำรวจไว้ในใบแจ้งความเสียหายของสินค้าขณะขนถ่ายลงข้างเรือกับรายการสินค้าแตกหักและชำรุดเอกสารหมาย ล.7 ถึง ล.16 อาจเกิดจากน้ำกระเซ็นเข้าเรือโป๊ะเหล็กระหว่างถูกลากจูงไปยังคลังสินค้าของผู้รับตราส่งนั้น เห็นว่าเรือโป๊ะเหล็กบรรทุกสินค้าถูกลากจูงไปตามลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วลัดเข้าคลองใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เท่านั้นโดยเรือโป๊ะเหล็กมีผ้าใบคลุม แม้จะถูกคลื่นระหว่างเดินทางบ้างก็คงไม่ทำให้สินค้าที่บรรทุกมาเปียกน้ำได้เพราะคลื่นในแม่น้ำไม่รุนแรงมากนัก พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักน้อยกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ คดีฟังได้ว่าสินค้าม้วนกระดาษที่เสียหายตามฟ้องเกิดจากการขนส่งทางทะเลจริง จำเลยซึ่งเป็นผู้ขนส่งร่วมทอดสุดท้ายต้องร่วมรับผิดในความเสียหายดังกล่าว สำหรับค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ชำระแทนให้ผู้รับตราส่งไปนั้น จำเลยมิได้นำสืบโต้เถียง จึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบ โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงรับช่วงสิทธิจากผู้รับตราส่งมาฟ้องเรียกคืนจากจำเลยได้ ในข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้บอกกล่าวถึงความเสียหายที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นอันเห็นไม่ได้แต่สภาพภายนอกให้จำเลยทราบภายใน 8 วัน นับแต่วันส่งมอบความรับผิดของจำเลยจึงเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อได้ส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้รับตราส่งในขณะขนถ่ายสินค้าลงเรือโป๊ะเหล็กแล้วนั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องนี้ไว้จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นจากข้อต่อสู้ของจำเลย แม้ศาลชั้นต้นหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย แต่ก็ถือเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน