คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030-1031/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กลฉ้อฉลเพิกถอนได้ ผัวเมีย มฤดก ผัวเอาสินสมรสระวางผัวเมียทำพินัยกรรมยกให้คนอื่น เมียรู้ไม่คัดค้านกลับถือเอาประโยชน์จากพินัยกรรมนั้น จะมาคัดค้านพินัยกรรมไม่ได้นิ่งถือว่ายอมคนกวาดกองมฤดกไม่มีอำนาจจะเอาทรัพย์ที่ให้คนอื่นไปใช้หนี้ เมื่อทรัพย์มฤดกยังมีพอ วิธีพิจารณาแพ่ง หน้าที่นำสืบข้อความใดไม่ได้ร้องเสียชั้นแรก จะมาร้องชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

เดิมซุ่นฮวดได้จำเลยเปลภรรยาเกินสินสมรสคือ ที่ดินและตึกรายพิพาทนี้ ซึ่งซุ่นฮวดทำพินัยกรรมยกให้แก่โจทก์ผู้เดียว แต่ในพินัยกรรมได้ทำยกทรัพย์อื่นอีกมากมายให้แก่จำเลย จำเลยทราบพินัยกรรมนั้นไม่คัดค้าน กลับถือเอาตามพินัยกรรมและรับจัดการในพินัยกรรมตลอดมา และโจทก์ไม่ทราบความจิงในพินัยกรรมนั้นเลย โจทก์ขอดูพินัยกรรม จำเลยไม่ให้ดู กลับลวงโจทก์ให้เข้าใจผิดว่าโจทก์จำเลยได้ตึกกับที่ดินคนละครึ่ง โจทก์หลงเชื่อจึงยอมลงชื่อรับรองในเอกสารว่ากิจการใด ๆ ที่จำเลยทำไประวางโจทก์เปนผู้เยาว์นั้นเปนอันใช้ได้ คือ ลงชื่อโจทก์ในโฉนดกับจำเลยคนละครึ่ง และรับรองการจำนองที่ดินนั้น ซึ่งความจริงมิได้จำนองกันโดยสุจริตเปนเงิน ๓๐๐๐๐ บาท เพื่อใช้หนี้กองมฤดก โจทก์จึงฟ้องขอให้ทำลายเอกสารและใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดแต่ผู้เดียว ฝ่ายจำเลยฟ้องแย้งเรียกเงิน ๓๐๐๐๐ บาท
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้โจทก์ชนะ และยกฟ้องแย้งของจำเลยเสีย โดยกล่าวว่าจริงอยู่สามีไม่มีอำนาจยกทรัพย์ส่วนของเมียให้แก่ใคร แต่เรื่องนี้จำเลยทราบไม่คัดค้าน กลับถือเอาประโยชน์จากพินัยกรรมนั้นจะมาคัดค้านพินัยกรรมและเอาประโยชน์จากพินัยกรรมด้วยยังไม่ชอบพินัยกรรมนั้นใช้ได้ โจทก์คงได้ที่ดินกับตึก เรื่องที่จำเลยฟ้องแย้งขอเรียกเงินนั้น ปรากฏว่าในพินัยกรรมให้จำเลยเก็บลูกหนี้และชำระหนี้ด้วย และไม่ได้ความว่าทรัพย์ที่จำเลยได้ตามพินัยกรรมน้อยกว่าหนี้สินของซุ่นฮวด ฉะนั้นโจทก์ได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมและไม่ต้องใช้เงินตามฟ้องแย้ง และข้อที่โจทก์ว่าซุ่นฮวดมีทุนสินเดิม แต่ไม่ได้ระบุว่าอะไรบ้าง ศาลไม่ควรให้สืบ เรื่องนี้จำเลยไม่ร้องให้โจทก์ระบุแต่ชั้นศาลเดิม จะมาร้องเวลานี้ไม่ขึ้น การที่โจทก์ลงชื่อในเอกสารที่กล่าวนั้นก็โดยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมและเกิดจากกลฉ้อฉลของจำเลย จึงให้เพิกถอนเอกสารนั้นเสีย

Share