คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลยื่นคำร้องขอให้คืนของกลางแก่ผู้ร้องในการที่จะพิจารณาว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดหรือไม่นั้น ต้อง พิจารณาจากผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง คดีนี้การจัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์ อยู่ในวัตถุประสงค์ของผู้ร้อง ผู้ที่ดูแล โต๊ะสนุกเกอร์ จึงต้อง ถือ ว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งหกว่า ร่วมกันเล่นการพนันสนุกเกอร์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12, 15 ที่แก้ไขแล้ว และริบลูกสนุกเกอร์1 ชุด ไม้คิวสำหรับแทง 2 อัน ไม้เล็ด 1 อัน โต๊ะสนุกเกอร์ 1 โต๊ะและเงินสด 10 บาท ของกลางอันเป็นอุปกรณ์และทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่นพนัน จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยทั้งหกคนละ 350 บาท และริบของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ของกลางเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยทั้งหก ขอให้คืนของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ของกลางไม่ใช่ของผู้ร้อง ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนโต๊ะสนุกเกอร์พร้อมอุปกรณ์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาวินิจฉัยมีว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดหรือไม่ เห็นว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลในการที่จะพิจารณาว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจหรือไม่นั้นจึงต้องพิจารณาจากผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง กรณีของคดีนี้การจัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์อยู่ในวัตถุประสงค์ของผู้ร้อง ผู้ที่ดูแลโต๊ะสนุกเกอร์จึงต้องถือว่าเป็นผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้อง เหตุคดีนี้เกิดในสถานที่ของผู้ร้อง ได้ความจากคำของร้อยตำรวจเอกสำราญพยานโจทก์ว่าได้ออกไปตรวจตามสมาคมที่มีโต๊ะสนุกเกอร์ เวลาประมาณ 20.30 นาฬิกามาถึงสมาคมผู้ร้อง ให้เจ้าพนักงานตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปดูสักครู่เจ้าพนักงานตำรวจออกมาแจ้งว่ามีการเล่นการพนันในสมาคมดังกล่าว จึงเข้าไปทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 คน พบชายอายุประมาณ40 ปี เข้าใจว่าเป็นผู้มีหน้าที่เก็บค่าเกม การเล่นการพนันสนุกเกอร์ตามลักษณะของการเล่นที่โจทก์แจ้งในบันทึกฟ้องคดีด้วยวาจานั้นจะเห็นได้ว่าต้องใช้เวลานานพอสมควรจึงจะรู้ผลแพ้ชนะและจ่ายสินพนันกัน และถ้าไม่มีการแสดงออกโดยเปิดเผยบุคคลภายนอกจะไม่อาจรู้ได้ว่ามีการเล่นเป็นการพนันกัน การที่เจ้าพนักงานตำรวจนอกเครื่องแบบเข้าไปดูจนรู้ว่ามีการเล่นเป็นการพนันกันเป็นข้อแสดงให้เห็นว่ามีการแสดงออกให้คนภายนอกรู้ได้โดยเปิดเผย ลักษณะของการพนันประเภทนี้ต้องใช้เวลานานและแสดงออกโดยเปิดเผยทั้งมีผู้ร่วมเล่นการพนันหลายคน เช่นนี้ข้อที่ผู้ร้องนำสืบว่าผู้ดูแลไม่รู้ว่ามีการเล่นการพนันจึงรับฟังไม่ได้ กรณีเป็นที่เชื่อได้ว่าผู้ดูแลรู้อยู่ว่าจำเลยในคดีนี้เล่นการพนันกัน ส่วนข้อที่ผู้ร้องนำสืบว่ามีป้ายแสดงไว้ว่าห้ามเล่นการพนันนั้น มิใช่ข้อที่จะยืนยันการกระทำของผู้แทนอื่น ๆ ของผู้ร้องว่าได้กระทำไปในลักษณะใด เมื่อผู้ดูแลมิได้ห้ามหรือให้เลิกเล่นปล่อยให้มีการเล่นเป็นการพนันจนกระทั่งจำเลยถูกจับกุมนั้นถือไม่ได้ว่าผู้ดูแลมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดครั้งนี้ และกรณีอย่างนี้นั้นต้องถือว่าผู้ร้องไม่ใช่ผู้ที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานตำรวจมิได้จับกุมผู้ดูแลในฐานจัดให้มีการเล่นการพนันจะถือว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดของจำเลยไม่ได้นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยเพราะบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36นั้น ผู้ร้องต้องพิสูจน์ว่าตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดจึงจะขอคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบได้ มิได้บัญญัติไว้ว่าจะต้องถึงขนาดมีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วย เมื่อข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องนำสืบมาฟังไม่ได้ว่า ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิดผู้ร้องจึงมิอาจขอให้ศาลสั่งคืนทรัพย์สินที่ศาลสั่งริบไปแล้วได้…”
พิพากษากลับให้ยกคำร้อง.

Share