คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 987/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมไปรษณีย์โทรเลขจำเลยที่ 2 ไม่ตรวจตราดูแลในการขึงสายโทรเลขซึ่งอยู่เหนือสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่มั่นคงสายโทรเลขจึงขาดลงมาพาดสายไฟฟ้าตรงที่ไม่มียางหุ้มเพราะสายไฟฟ้านี้ใช้มานานจนยางที่หุ้มผุเปื่อยขาดโดยไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง จนเป็นเหตุให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลออกได้ ปลายสายโทรเลขที่ขาดนั้นทอดไปตกยังพื้นดินที่ถนน กระแสไฟฟ้าจึงแล่นตามสายโทรเลขนั้นดูดกระบือของโจทก์ที่เดินมาถูกสายโทรเลขถึงแก่ความตายแม้ตามปกติสายโทรเลขจะมีกระแสไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายแก่บุคคลและสัตว์ แต่เห็นได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการละเมิด ไม่ใช่เป็นเหตุสุดวิสัย แม้จะมีข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 2 กับการไฟฟ้าฯ จำเลยที่ 1 ว่าในการขึงสายไฟฟ้าที่ผ่านสายโทรเลขให้ขึงอยู่สูงต่ำกว่ากันแค่ไหนจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 2หลุดพ้นความรับผิดต่อโจทก์ แต่เมื่อได้ความว่าตรงจุดที่สายโทรเลขพาดกับสายไฟฟ้าซึ่งกระแสไฟฟ้ารั่วไหลได้นั้นเป็นสายไฟฟ้าที่อยู่ภายในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านของน. ผู้ขอใช้ไฟ จึงถือไม่ได้ว่าสายไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพนั้นอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรค 2 จำเลยที่ 1 จึงหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า สายโทรเลขของจำเลยที่ 2 ได้ขาดตกลงมาพาดสายไฟฟ้าของจำเลยที่ 1 แล้วตกทอดลงไปในทุ่งหญ้า กระแสไฟฟ้าได้แล่นตามสายโทรเลขดูดกระบือของโจทก์ตายไป 6 ตัว ทั้งนี้ เพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสอง ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคากระบือรวม 36,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยที่ 1 ให้การว่า เหตุไม่ได้เกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 ให้การว่า เหตุเกิดจากความบกพร่องของจำเลยที่ 1ที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบเรื่องการขึงสายไฟฟ้าข้ามสายโทรเลขและโทรศัพท์ตามข้อตกลงระหว่างจำเลยทั้งสอง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 34,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ 2 รับผิดแต่ผู้เดียว ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1

โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา

คดีได้ความว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2513 เวลาประมาณ 6 โมงเช้า โจทก์ให้นางสาวต้อย คชศิลา บุตรสาวนำกระบือไปเลี้ยง กระบือ ได้เดินข้ามถนนไปถึงบริเวณบ้านนายน้อม ศรีเปรม กับโรงไม้เสรีภัณฑ์มีเสาโทรเลขอยู่ในเขตรั้วบ้านนายน้อม สายโทรเลขได้ขาดมาค้างพาดอยู่บนเสาและพาดกับสายไฟฟ้าในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านนายน้อมซึ่งเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำเลยที่ 1ปลายสายโทรเลขทอดไปตกที่พื้นดินที่ถนน กระแสไฟฟ้าแล่นตามสายโทรเลขนั้นดูดกระบือของโจทก์ที่เดินมาถูกสายโทรเลขถึงแก่ความตายไป 6 ตัว

ในปัญหาเรื่องความรับผิดของจำเลยที่ 2 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจตราดูสายโทรเลขเป็นประจำไม่ปรากฏว่ามีสายโทรเลขในบริเวณนี้ขาดเลยนั้นไม่น่าเชื่อ เพราะเมื่อสายโทรเลขขาดใหม่ ๆ นายพนคนงานของโรงไม้เสรีภัณฑ์ยังได้ม้วนปลายสายซึ่งเชื่อว่าขณะนั้นยังไม่ได้พาดกับสายไฟฟ้า หลบจากทางเข้าออกของรถยนต์ของโรงไม้เสรีภัณฑ์ และได้ความจากนายน้อมและนายพน ว่าสายโทรเลขนี้ขาดมาก่อนกระบือโจทก์ตาย 3 วัน แม้ตามปกติสายโทรเลขจะมีกระแสไฟฟ้าไม่เป็นอันตรายแก่บุคคลและสัตว์ดังจำเลยที่ 2 นำสืบก็ตาม แต่เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ 2 ไม่ตรวจตราดูแลในการขึงสายโทรเลขซึ่งอยู่เหนือสายไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่มั่นคง ถ้าใช้ความระมัดระวังตรวจตราตามสมควรแล้ว ก็จะป้องกันมิให้สายโทรเลขนั้นขาดมาพาดสายไฟฟ้าได้ หรือถ้ารีบแก้ไขทำให้เรียบร้อยปลอดภัยเสียก่อนก็คงไม่เกิดเหตุนี้ขึ้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย คดีฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์เสียหายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ที่จำเลยที่ 2 นำสืบถึงข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ว่าในการขึงสายไฟฟ้าที่ผ่านสายโทรเลขให้ขึงอยู่สูงต่ำกว่ากันแค่ไหน และได้ตรวจพบขอให้แก้ไขตามข้อตกลง แต่จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตาม นั้น ก็หาทำให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นความรับผิดต่อโจทก์ไปได้ไม่

ในปัญหาเรื่องความผิดของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าสายโทรเลขของจำเลยที่ 2 ได้ขาดมาพาดสายไฟฟ้าตรงที่ไม่มียางหุ้มสายไฟฟ้า เพราะสายไฟฟ้านี้ใช้มานานถึง 15 ปีแล้วยางที่หุ้มสายไฟผุเปื่อยขาดออกจากกันโดยไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงจนเป็นเหตุให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหลออกได้ และได้ความจากนายน้อมผู้ขอใช้ไฟว่าตรงจุดที่สายโทรเลขพาดกับสายไฟฟ้าซึ่งกระแสไฟรั่วไหลได้นั้น เป็นสายไฟฟ้าที่อยู่ภายในช่วงที่ต่อจากหม้อวัดไฟเข้าไปยังบ้านนายน้อม และอยู่ในเขตรั้วบ้านของนายน้อมด้วย แล้วปลายสายโทรเลขซึ่งพาดสายไฟฟ้าทอดลงไปที่พื้นดินที่ถนน เมื่อสายไฟฟ้าตรงที่สายโทรเลขพาดนี้อยู่ในช่วงสายไฟฟ้าที่นายน้อมขอใช้ไฟ ดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าสายไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพย์อันเป็นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพนั้น อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 วรรค 2 จำเลยที่ 1 หาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่

พิพากษายืน

Share