แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คืนเกิดเหตุ ตำรวจกับพวกตามหาเรือของเจ้าทรัพย์ที่ถูกคนร้ายชิงไปพบจำเลยทั้งสองอยู่ในเรือลำหนึ่ง ตำรวจซึ่งอยู่ในเครื่องแบบแสดงตัวและบอกให้จำเลยเข้ามาหา จำเลยทั้งสองรู้ว่าเป็นตำรวจแต่ขัดขืน และได้ยิงปืนมาที่เรือตำรวจ 1 นัดกระสุนปืนถูกผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่ขาแล้วจำเลยทั้งสองโดดน้ำหนีพร้อมกัน ดังนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานกับผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานที่กระทำตามหน้าที่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2514)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตำรวจและผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกนายแสละที่เข่าและกลางขาได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 140, 288, 289, 80, 83 กับขอให้ริบของกลาง และนับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษในคดีอาญาดำที่ 124/2511
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นคนคนเดียวกับจำเลยในคดีดำที่ 124/2511
ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้รวมกับคดีดำที่ 124/2511 แล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140,288, 289, 80,83 ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80, 83 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดจำคุกจำเลยคนละ 16 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ10 ปี 8 เดือน ของกลางริบ แต่ให้ยกฟ้องคดีดำที่ 124/2511
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง กระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางปรากฏว่าเป็นของที่มีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบ ให้ริบเสีย เรือและแจวคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คืนวันเกิดเหตุ สิบตำรวจเอกสุเทพกับสิบตำรวจโทเชื้อแต่งเครื่องแบบตำรวจ นั่งเรือหางยาวไปตามหาเรือมาดของเจ้าทรัพย์ที่ถูกคนร้ายชิงไป โดยมีนายแสละ นายแอและนายไข่หมัดไปด้วย ต่อมาพบเรือนั้นจมน้ำอยู่ มีจำเลยทั้งสองนั่งเรือแจวมา สิบตำรวจเอกสุเทพว่า “นี่ตำรวจ นั่นเรืออะไร เข้ามานี่ก่อน” จำเลยรู้ว่าเป็นตำรวจแต่เบนหัวเรือหนี สิบตำรวจเอกสุเทพไล่ตาม จำเลยยิงปืนมา1 นัด กระสุนปืนถูกนายแสละที่เข่าขวาและกลางขาขวา เมื่อเรือตำรวจวิ่งไล่ตามเรือจำเลยต่อไปจนห่าง 2 วา จำเลยทั้งสองกระโดดน้ำหนี จึงวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำผิดฐานใช้ปืนเป็นอาวุธ ต่อสู้ขัดขวางและฐานพยายามฆ่าสิบตำรวจเอกสุเทพกับพวก ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำตามหน้าที่และเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการกระทำตามหน้าที่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 288, 289, 80, 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด เมื่อลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 แล้ว ให้จำคุกจำเลยไว้ 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 5 ปี 4 เดือน กระสุนปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางให้ริบส่วนเรือและแจวของกลางนั้น เห็นว่ามิใช่สิ่งที่ใช้ในการกระทำผิดจึงไม่ริบ