แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีพิจารณาแพ่ง หนี้เงินที่ศาลยึดไว้แล้วนั้น เจ้าหนี้อื่นจะร้องขอเฉลี่ยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์เปนเจ้าหนี้จำเลย ศาลตัดสินให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ จำเลยไม่มีเงินจะใช้ โจทก์ซึ่งนำยึดเงินที่บริษัท ข.ซื้อไม้จากจำเลย แต่เงินรายนี้จำเลยได้ตกลงสัญญาจะใช้ให้แก่นาง บ. ๔๐ เปอร์เซ็นต์ นาง บ.จึงมาฟ้องต่อศาลเรียกหนี้จากจำเลย พอศาลตัดสินให้จำเลยใช้หนี้นาง บ. จึงได้ยื่นคำร้องขอเกลี่ยเงินที่โจทก์ขอให้ศาลนำยึดนั้น
ศาลเดิมสั่งให้ผู้ร้องมีสิทธิเฉลี่ยเงินรายที่โจทก์ยึดนั้นได้ โดยกล่าวว่าผู้ร้องเลยตกลงกับบริษัท อ. บริษัท อ. ได้สัญญาจะจ่ายเงินรายนี้ให้แก่ผู้ร้องขอยึด นาง บ. ผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยในวันที่โจทก์ได้ยึดเงินรายนี้และได้จัดการตามลำดับไม่ได้ละทิ้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลเดิม
ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลล่างให้เอาเงินที่โจทก์ขอให้ศาลยึดนั้นใช้ให้แก่โจทก์เสียให้ครบเสร็จสิ้นก่อน ถ้ายังมีเงินเหลืออยู่เท่าใด ผู้ร้องจึง่จะได้ส่วนในจำนวนเงินที่เหลือนั้น ถ้าไม่มีเงินเหลือแล้ว ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินนั้น เพราะผู้ร้องได้นำคดีมาฟ้องร้องจำเลยเมื่อโจทก์ได้ขอให้ศาลยึดเงินนั้นจากบริษัท ข.แล้วและมาร้องขอเฉลี่ยหนี้เมื่อศาลได้ตัดสินให้ผู้ร้องชนิคดีจำเลยแล้ว การที่ผู้ร้องมาร้องภายหลังเวลาที่ศาลได้ยึดเงินรายนี้มาไว้แล้วเช่นนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอส่วนเฉลี่ยเงินที่โจทก์ยึดมานั้นได้ ในเมื่อเงินนั้นไม่มีเหลือจากกการชำระหนี้โจทก์ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓,๑๑๔/๒๔๖๖,๒๖๐/๖๑ ถึงผู้ร้องจะได้ทำสัญญาตกลงกับจำเลยยอมให้เขาเงินจำนวนนี้ใข้หนี้ให้แก่ผู้ร้อง ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ของหนี้ก็ดี ก็ทำกันนอกศาล ไม่เปนเหตุที่จะทัดสิทธิของโจทก์ได้