คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982-983/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารจดหลักฐานการสอบสวนเท็จย่อมมีความผิดฐานจดหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แต่ไม่ผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ย่อมมีความผิดตาม มาตรา 162,86 ด้วย

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน

โจทก์ฟ้องว่านายสงบจำเลยที่ 5 เป็นปลัดอำเภอและเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายบังอาจกระทำปลอมการสอบสวนเกี่ยวกับการสงเคราะห์ครอบครัวทหารและการรับบำนาญพิเศษโดยสอบสวนจำเลยที่ 1 ว่าเป็นภรรยาของทหารผู้เสียชีวิตในสมรภูมิ และเสนอเรื่องราวเท็จ ทำให้กรมการเงินกลาโหมหลงเชื่อจ่ายเงินให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไป ส่วนจำเลยอื่น ๆ เป็นผู้สนับสนุนให้ความสะดวกในการกระทำผิดดังกล่าว ขอให้ลงโทษ

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยอื่น ๆ ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4กับนายเฟื่อง จำเลย ตามมาตรา 161, 86 ซึ่งเป็นบทและกระทงที่หนักที่สุด คนละ 2 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 หนึ่งปี ให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามฟ้อง

นายสงบ จำเลยที่ 5 และนายเฟื่องจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 ส่วนนายเฟื่องและจำเลยที่ 1และที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 157, 162, 86 ให้ลงโทษจำเลยที่ 5 ตามมาตรา 162 ซึ่งเป็นบทหนัก ลงโทษนายเฟื่องและจำเลยที่ 1 และที่ 5 ตามมาตรา 342 ซึ่งเป็นบทและกระทงที่หนักที่สุด

โจทก์และนายเฟื่องจำเลยฎีกา

คดีมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า นายสงบจำเลยที่ 5ควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 ด้วยหรือไม่

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า นายสงบจำเลยที่ 5 ควรมีความผิดตามมาตรา 161 ด้วยโดยอ้างอิงถึงคำพิพากษาฎีกาที่ 751-765/2500 ว่าลงโทษจำเลยในคดีนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 และนายเฟื่อง นางไม้ นายตี๋ ก็ควรมีความผิดตามมาตรา 161, 86 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในคำพิพากษาฎีกาที่โจทก์อ้างถึง ก็ปรากฏชัดอยู่แล้วว่าจำเลยทำเอกสารขึ้นในนามของจำเลยเอง ไม่ใช่ทำปลอมในนามของผู้อื่น จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ เช่นเดียวกันกับนายสงบจำเลยที่ 5 ก็ได้ทำเอกสารขึ้นในนามของตนเอง ไม่ใช่ในนามของผู้อื่น ฉะนั้น นายสงบจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(4), หาใช่มาตรา 161 ไม่ และนายเฟื่องกระทำความผิดของนายสงบจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(4), 86 ด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share