คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพิจารณาถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ปรากฏว่าจำเลยมีอายุ 18 ปีเศษ กระทำผิดระหว่างมอบตัวแก่มารดาโดยมีเงื่อนไขมิให้ก่อเหตุร้ายตามสำนวนคดีอาญาที่ศาลพิพากษาไปแล้ว และมีบุคคลิกภาพในทางรุกรานชอบพกอาวุธและคบเพื่อนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม สมควรส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๒ คน บังอาจร่วมกันใช้ไม้ท่อนและมีดตีและแทงทำร้ายร่างกายนายฮั่งเซียะ แซ่เตียว หรือทวีศักดิ์ ศักดิ์เรืองนาม เป็นอันตรายสาหัส โดยเจตนา จะฆ่า นายฮั่งเซียะถึงแก่ความตาย
ก่อนคดีนี้ จำเลยที่ ๑ เคยต้องคำพิพากษาฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาตและยิงปืนในหมู่บ้านโดยใช่เหตุ ศาลพิพากษาวางข้อกำหนดให้มารดาจำเลยระวังมิให้จำเลยก่อเหตุร้ายขึ้นภายในกำหนด ๒ ปี จำเลยที่ ๑ มาทำผิดภายในกำหนด ๒ ปี
ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องคำพิพากษา และได้ทำผิดในกำหนดเงื่อนไขของศาลจริง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ผู้ตายเอาไม้จะมาตีก่อน แต่ไม่ถูก จำเลยที่ ๒ คว้าไม้ของกลางที่เกิดเหตุตีผู้ตาย ๑ ที จำเลยที่ ๑ ใช้มีดแทงผู้ตาย จำเลยที่ ๒ จึงได้ทิ้งไม้วิ่งหนี
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่มีทางลงโทษจำเลยที่ ๑ ส่วนจำเลยที่ ๒ ฟังได้ว่า ได้ตีผู้ตายเพื่อป้องกันตัว และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยทั้งสองมีบุคคลิกภาพในทางรุกราน พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ โดยมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยทั้งสองออกจากที่อยู่อาศัยในเวลาค่ำคืน เว้นแต่มีเหตุจำเป็น และให้จำเลยทั้งสองรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ่ทุกระยะ ๒ เดือน เพื่อสอบถาม แนะนำช่วยเหลือ หรือตักเตือน เกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษา และอาชีพตามที่เห็นสมควร สำหรับจำเลยที่ ๑ มีกำหนดเวลา ๓ ปี จำเลยที่ ๒ มีกำหนดเวลา ๒ ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ แต่ขณะกระทำผิด จำเลยที่ ๑ มีอายุ ๑๖ ปีเศษ จำเลยที่ ๒ มีอายุ ๑๕ ปีเศษ ให้ลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดลงกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา ๗๕ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๙ ปี จำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๗ ปี ๖ เดือน คำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงบรรเทาโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามามาตรา ๗๖ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๖ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๕ ปี แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยทั้งสองไปยังสถานฝึกและอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง จำเลยที่ ๑ มีกำหนดขั้นต่ำ ๓ ปีชั้นสูงมีกำหนดอย่าให้เกิดกว่ามีอายุครบ ๒๔ ปีบริบูรณ์ จำเลยที่ ๒ มีกำหนดขั้นต่ำ ๒ ปี ชั้นสูง ๕ ปี ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๓๑(๒) และ ๓๒ และ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๖ มาตรา ๙ และ ๑๐
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชน ฟังว่า จำเลยที่ ๑ ได้กระทำผิดตามฟ้องจริงเมื่อได้พิจารณาถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ และสิ่งแวดล้อมของจำเลยที่ ๑ แล้ว ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ มีอายุ ๑๘ ปีเศษ จำเลยที่ ๑ กระทำผิดระหว่างมอบตัวแก่มารดาโดยมีเงื่อนไขมิให้ก่อเหตุร้ายตามสำนวนคดีอาญาของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางคดีหมายเลขแดงที่ ๓๕๒/๒๕๐๖ จำเลยที่ ๑ มีบุคคลิกภาพในทางรุกราน ชอบพกอาวุธ และคบเพื่อนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษาเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการส่งตัวจำเลยที่ ๑ ไปฝึกและอบรมในสถานฝึกและอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนดขั้นต่ำ ๓ ปี ขั้นสูงไม่เกินกว่าจำเลยที่ ๑ มีอายุ ๒๔ ปีบริบูรณ์นั้น เป็นการเหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน.

Share