คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมีชื่อภรรยาผู้เดียวภรรยาได้เอาที่ดินนั้นไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้แก่ผู้มีชื่อไปผู้ซื้อรับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อขายกันแล้ว ภรรยาได้เช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทอยู่ร่วมกับสามีนานถึง 5 ปี สามีจึงเพิ่งบอกล้างนิติกรรมซื้อขายที่พิพาทนี้ดังนี้ เป็นการบอกล้างเมื่อพ้นเวลาปีหนึ่ง นับแต่เวลาที่จะอาจให้สัตยาบันได้จึงต้องห้ามมิให้บอกล้างตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 143

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์และนางทองคำภริยา ๆ เอาที่พิพาทไปขายแก่จำเลย โดยโจทก์ไม่ทราบ โจทก์จึงบอกล้างนิติกรรมไปยังจำเลย ๆ ไม่ยอมให้ที่ดินกลับคืนสู่สภาพเดิม จึงฟ้องบังคับ
ศาลแพ่งเห็นว่า โจทก์ทราบเรื่องการขายเกิน ๑ ปีแล้ว ไม่บอกล้างภายในกำหนด ๑ ปีตามป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๓ ย่อมหมดสิทธิ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายรายนี้ ให้จำเลยโอนที่พิพาทคืนเป็นของนางทองคำตามฐานะเดิม
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ย่อมให้ภริยาตนมีชื่อถือกรรมสิทธิในโฉนดที่ดินอันเป็นสินบริคณห์แต่ผู้เดียว แล้วภริยาโจทก์ยังได้เอาไปจำนองต่อบุคคลอื่นหลายครั้งหลายหนตลอดจนโอนหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนอง แล้วขอซื้อกลับคืนมาและขายให้จำเลยที่ ๑ ต่อไป จำเลยที่ ๑ รับซื้อไว้โดยสุจริต ซื้อแล้วภริยาโจทก์ยังเช่าที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทนั้นอยู่ร่วมเรือนเดียวกับโจทก์ผู้เป็นสามีมาอีกนานถึง ๕ ปีเศษ ย่อมฟังได้ว่า โจทก์ทราบเรื่องที่ภรรยาโจทก์ได้ขายที่ดินบ้านเรือนรายพิพาทให้จำเลยที่ ๑ แล้วต้องเช่าอยู่หลายปี โจทก์จึงบอกล้างไม่ได้ตามป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๔๓
พร้อมกับพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share