คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ 1 ควรจะรู้ว่าการได้ที่ดินมาจากโจทก์ของจำเลยที่ 1 และการจดทะเบียนจำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ต่อมานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต อันเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 3 ถือว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงด้วย ศาลย่อมพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาจำนองรายนี้เสียได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนด โจทก์ประสงค์จะจำนองที่ดินแปลงดังกล่าว จำเลยที่ ๑ รับจะดำเนินการให้ โดยอ้างว่าทำงานธนาคาร จำเลยที่ ๑นำกระดาษที่ยังไม่ได้กรอกข้อความมาให้โจทก์ลงชื่อและขอยืมโฉนดของโจทก์ไปเพื่อให้ธนาคารตรวจสอบ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้นำแบบพิมพ์หนังสือมอบอำนาจที่ยังไม่ได้กรอกข้อความมาให้โจทก์ลงชื่ออีก โจทก์ทราบว่าธนาคารจะให้โจทก์กู้เงินจำนวนไม่มาก โจทก์จึงต้องการเลิกกู้และได้ติดตามหาจำเลยที่ ๑ เพื่อขอโฉนดและเอกสารต่าง ๆ คืน แต่ไม่พบ ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ได้จำนองที่ดินดังกล่าวกับจำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๒ มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๓ ดำเนินการแทนขอให้พิพากษาว่าสัญญาขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ และสัญญาจำนองระหว่างจำเลยที่ ๑กับจำเลยที่ ๒ เป็นโมฆะ ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำลายการจดทะเบียนขายและจำนองดังกล่าวแล้วลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยปลอดภาระใด ๆ หากทำลายไม่ได้ก็ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ราคา ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่เคยร่วมกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ปลอมหนังสือมอบอำนาจตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ รับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ ๑ โดยสุจริต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เป็นโมฆะ ให้โจทก์และจำเลยที่ ๑ คืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถทำได้ให้จำเลยที่ ๑ ชำระราคา๑,๐๐๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ ฟ้องโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การจดทะเบียนจำนองระหว่างจำเลยที่ ๑กับจำเลยที่ ๒ เป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ โดยจำเลยที่ ๓กระทำแทนได้ไปจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ ๑ ไว้โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงซึ่งควรจะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุจริตหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์การกระทำของจำเลยที่ ๓ ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นตลอดจนได้ลงชื่อเป็นพยานในหนังสือมอบอำนาจของโจทก์เอกสารหมาย จ.๓ รู้เห็นการจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาทของโจทก์กับจตำเบยที่ ๑ และกระทำการจดทะเบียนรับจำนองที่ดินจากจำเลยที่ ๑ แทนให้แก่จำเลยที่ ๒ เป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยควรจะรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สุจริต ถือได้ว่าจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวการได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงทำให้โจทก์ต้องเสียหาย
พิพากษายืน.

Share