แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เอกสารที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานอย่างน้อย 3 วัน ศาลย่อมมีอำนาจอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมรับฟังเอกสารนั้นได้ เพราะมาตรา 87 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้อำนาจศาลไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามเป็นบุตรของนายเพ็ง บุญเครือ นายเพ็งบุญเครือ ได้นำ ส.ค.1 ของที่ดินมามอบไว้เป็นประกันเงินกู้ที่กู้ไปจากโจทก์ ต่อมานายเพ็ง บุญเครือ ถึงแก่กรรม โจทก์ให้จำเลยชำระเงินคืน จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 1,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า นายเพ็ง บุญเครือ ไม่เคยกู้เงินจากโจทก์ หากกู้จริงก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ จำเลยยังไม่ได้รับมรดกนายเพ็งจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 1,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารการกู้ยืมเงินหมาย จ.1 ให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน โดยเพิ่งส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้จำเลยในวันสืบพยาน จะรับฟังเอกสารหมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐานไม่ได้ และไม่สมควรอ้างหลักเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมมาใช้รับฟังเอกสารดังกล่าว เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าการกู้ยืมรายนี้ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์จึงฟ้องร้องไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่น พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าเอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ศาลจะอ้างว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมรับฟังเอกสารดังกล่าวได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่ามาตรา 87 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้อำนาจศาลไว้ ศาลย่อมใช้อำนาจนั้นได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ในข้อกฎหมายอื่นที่จำเลยอุทธรณ์ขึ้นมา