คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9804/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นกรณีตามมาตรา 163 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 ที่บัญญัติให้ถือว่าผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ด้วย หาใช่กรณีเสียสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 164 และตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังคงบัญญัติบทกำหนดโทษกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้ในมาตรา 139 อันเป็นกรณีที่กฎหมายที่ได้บัญญัติภายหลังยังบัญญัติให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอยู่ จึงไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 2 วรรคสอง ทั้งบัญญัติให้มีระวางโทษเท่าเดิม จึงไม่มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 4, 21, 22, 23, 100 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2541 มาตรา 23 (ที่ถูก 23 (3)), 100 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยมีกำหนด 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากจำเลยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิรับเลือกตั้ง อันเป็นกรณีที่มาตรา 163 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 บัญญัติให้ถือว่าผู้นั้นถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ด้วย หาใช่กรณีเสียสิทธิเลือกตั้งเนื่องจากไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 164 ไม่ และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังบัญญัติบทกำหนดโทษกรณีที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้ในมาตรา 139 อันเป็นกรณีที่กฎหมายที่ได้บัญญัติภายหลังยังบัญญัติให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดอยู่ จึงไม่ทำให้จำเลยพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง ทั้งบัญญัติให้มีระวางโทษเท่าเดิม จึงไม่มีส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยไม่ว่าในทางใด
พิพากษายืน

Share