คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 688 ที่ให้สิทธิผู้ค้ำประกันขอให้เจ้าหนี้เรียกร้องเอาชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อนได้นั้น มิได้หมายความว่าถ้าเจ้าหนี้ไม่เรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนแล้วจะทำให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะเจ้าหนี้มีสิทธิจะเรียกร้องหรือฟ้องผู้ค้ำประกันฝ่ายเดียวให้รับผิดเมื่อลูกหนี้ผิดนัด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686ฉะนั้น ถึงแม้จำเลยผู้ค้ำประกันจะได้ขอให้โจทก์เรียกร้องเอาชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อนแล้ว โจทก์ไม่ฟ้องเรียกร้องเอาจากลูกหนี้ปล่อยเวลาให้ล่วงมาถึง 6 ปีจึงฟ้องเรียกร้องเอาจากจำเลย จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับเอาจากจำเลยไม่ได้
ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันขอให้เจ้าหนี้บังคับชำระหนี้เอาจากลูกหนี้ก่อนนั้นผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้มีทางชำระหนี้ได้ และการที่จะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นจะไม่เป็นการยาก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 689 เมื่อจำเลยไม่นำสืบพิสูจน์ จำเลยก็ไม่อาจอ้างประโยชน์ตามมาตรา 689 นี้ได้
ทรัพย์ที่เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันจะต้องเป็นทรัพย์ของลูกหนี้เมื่อไม่ใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ จำเลยผู้ค้ำประกันจึงไม่มีสิทธิตามมาตรา 690ที่จะยกขึ้นใช้ยันโจทก์
สัญญาประกันค่าเสียหาย มีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์ว่า ถ้าในการที่โจทก์เข้าทำสัญญาค้ำประกันบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ซึ่งเข้าทำสัญญารับจ้างเหมาสร้างถนนกับการรถไฟฯ และบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯปฏิบัติผิดสัญญา เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่การรถไฟฯตามสัญญาค้ำประกันที่โจทก์ทำไว้กับการรถไฟฯ จำเลยยินยอมใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ใช้การแก่การรถไฟฯ และดอกผลให้แก่โจทก์ทันทีที่เรียกร้อง ต่อมาบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ผิดสัญญา เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชำระเงินเป็นค่าปรับให้การรถไฟฯ ไป ๔๐,๐๓๕ บาทแล้วโจทก์ทวงถามให้บริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ใช้เงินแก่โจทก์ บริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ใช้เงินให้โจทก์แล้ว ๒๐,๐๐๐ บาท ยังค้างอีก๒๐,๐๓๕ บาท โจทก์จึงแจ้งให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้และดอกเบี้ยให้โจทก์ จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้จำเลยใช้เงินและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๓๑,๐๕๒.๖๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ยจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จด้วย
จำเลยให้การยกข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๘๘, ๖๘๙, ๖๙๐ และฟ้องของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องจำเลยจึงหลุดพ้นจากความรับผิด
โจทก์รับนำสืบก่อน ถึงวันนัดสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันว่า
๑. จำเลยรับว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่การรถไฟฯ เป็นเงิน๔๐,๐๓๕ บาท จริง จำเลยได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์แล้วจริง
๒. โจทก์รับว่าได้รับหนังสือจำเลยมีถึงโจทก์แล้วจริง และโจทก์ยอมรับว่าในการค้ำประกันบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ บริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ได้นำโฉนดที่ ๑๐๒๓ มาวางไว้เป็นประกัน แต่มิได้ทำจำนองหรือขายฝากตามกฎหมาย แล้วทั้ง ๒ ฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์รับนำสืบก่อน แต่โจทก์ก็ไม่นำสืบว่า โจทก์ไม่สามารถบังคับชำระหนี้เอาจากบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ หรือจากหลักทรัพย์ที่โจทก์ยึดไว้เป็นประกัน จำเลยได้ร้องขอโจทก์แล้ว โจทก์ไม่จัดการปล่อยเวลาล่วงเลยมาถึง ๖ ปี เป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์ โจทก์หมดสิทธิบังคับเอาจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๘๘, ๖๘๙, ๖๙๐ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โฉนดที่ดินที่บริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ นำไปวางไว้เป็นหลักประกัน ไม่ปรากฏชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ ที่ดินตามโฉนด จึงไม่ใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้เป็นประกัน ทั้งเป็นหน้าที่จำเลยจะต้องพิสูจน์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๘๙ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน จำเลยจึงต้องรับผิดฟ้องโจทก์เป็นเรื่องค้ำประกัน ต้องใช้อายุความ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงิน ๒๐,๐๓๕ บาท กับดอกเบี้ยจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยชั้นฎีกาตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยจะหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๘๘, ๖๘๙, ๖๙๐ หรือไม่ คดีขาดอายุความหรือไม่ กับเรื่องดอกเบี้ยกับการทวงถาม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๘๘ ที่ให้สิทธิผู้ค้ำประกันขอให้เจ้าหนี้เรียกร้องเอาชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อนก็ได้นั้น มิได้หมายความว่า ถ้าเจ้าหนี้ไม่เรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ก่อนแล้ว จะทำให้นายประกันหลุดพ้นจากความรับผิด เพราะเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องหรือฟ้องผู้ค้ำประกันฝ่ายเดียวให้รับผิดเมื่อลูกหนี้ผิดนัดตามมาตรา ๖๘๖ ฉะนั้น การที่โจทก์ไม่ฟ้องร้องเอาจากลูกหนี้ก่อนทั้งที่จำเลยขอร้องแล้ว ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาถึง ๖ ปี จะถือว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริต และไม่มีอำนาจฟ้องบังคับเอาจากจำเลยไม่ได้ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันขอให้เจ้าหนี้เอาชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อนนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๘๙ ผู้ค้ำประกันต้องพิสูจน์ว่าลูกหนี้มีทางชำระหนี้ได้ และการจะบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้นั้นไม่เป็นการยากอีกด้วย เมื่อโจทก์ไม่ได้แถลงรับ และจำเลยไม่นำสืบ จำเลยจึงไม่อาจอ้างประโยชน์ตามมาตรา ๖๘๙ นี้ได้
ส่วนกรณีที่เจ้าหนี้จะต้องเอาชำระหนี้จากทรัพย์ที่ลูกหนี้ให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันก่อนตามมาตรา ๖๙๐ นั้น โจทก์ได้รับแต่โฉนดที่ดินของคนอื่นซึ่งมิใช่ทรัพย์ของลูกหนี้ และเจ้าของโฉนดมิได้ทำจำนองหรือขายฝากเป็นประกันแก่โจทก์เพื่อประโยชน์ของลูกหนี้และจำเลยประการใดจำเลยจึงไม่มีสิทธิตามมาตรา ๖๙๐ ที่จะยกขึ้นใช้ยันโจทก์ได้
ข้อฎีกาคดีขาดอายุความ เพราะสัญญาระหว่างบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯ กับการรถไฟฯ เป็นสัญญาจ้างทำของ ซึ่งเมื่อขาดอายุความแล้วสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้ค้ำประกันย่อมขาดอายุความด้วยนั้นรับฟังไม่ได้ เพราะจำเลยไม่ใช่ผู้ค้ำประกันบริษัทประสิทธิชัยการช่างฯต่อการรถไฟฯ จำเลยทำสัญญาประกันค่าเสียหายต่อโจทก์โดยตรงซึ่งมีอายุความทั่วไป ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๔
ข้อฎีกาที่ว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะสัญญาท้ายฟ้องลงจำกัดจำนวนเงินแน่นอนข้อนี้ศาลอุทธรณ์ก็มิได้พิพากษาให้จำเลยใช้ เพียงแต่ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยแต่วันฟ้องเป็นต้นไป ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้งข้อนี้
ข้อทวงถาม เมื่อจำเลยรับว่าได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์แล้วจริงโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share