คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างขับรถประจำทางจากอู่เพื่อไปยังจุดต้นทางโดยเส้นทางที่ผิดไปจากเส้นทางที่นายจ้างมีคำสั่งไว้ให้ปฏิบัติ เมื่อขับด้วยความประมาทผู้อื่นบาดเจ็บ นายจ้างจะต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย เพราะการที่ลูกจ้างขับรถเพื่อไปยังจุดต้นทางตามหน้าที่นั้น เป็นการที่กระทำไปในทางการที่จ้างแล้ว ส่วนคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องภายในระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
โจทก์มีรายได้เดือนละ 600 บาท เมื่อถูกจำเลยกระทำละเมิดแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ฟ้องเรียกค่าเสียหายในอนาคต 10 ปี เป็นเงิน 72,000 บาท เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวนหนึ่งเป็นจำนวนแน่นอนแล้ว ย่อมให้คิดดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างขับรถยนต์ประจำทางของจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้าง ได้ขับรถยนต์ตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ตามทางการที่จ้าง ได้ขับรถดังกล่าวด้วยความประมาท ชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัด
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ จะเป็นลูกจ้างขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ หรือไม่ ไม่รับรอง แม้จำเลยที่ ๑ ขับรถชนโจทก์จริง ก็ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่นอกเส้นทางสัมปทานและนอกทางการที่จ้าง จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย ค่าเสียหายที่เรียกร้องก็สูงไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ๗๒,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถไปชนโจทก์นอกเส้นทางในทางการที่จ้าง จำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้างไม่ต้องร่วมรับผิด และศาลกำหนดค่าเสียหายสูงเกินไป
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ ๒ นำสืบว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถออกจากอู่เก็บรถของจำเลยที่ ๒ ที่ช่องนนทรี เข้าตรอกจันทร์ ไปออกถนนเจริญกรุง เพื่อไปยังจุดต้นทางถนนสี่พระยา (และได้ชนโจทก์ในถนนเจริญกรุงก่อนถึงถนนสี่พระยา) เป็นการขับรถไปนอกเส้นทาง ปฏิบัติผิดคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้างที่ว่าเมื่อรถออกจากอู่ต้องวิ่งมาตามถนนสวนพลูออกถนนสาธรเลี้ยวซ้ายตามถนนพระราม ๔ ถึงสามย่านแล้วเลี้ยวเข้าถนนสี่พระยาไปจุดต้นทางนั้น คำสั่งของจำเลยที่ ๒ จะมีอย่างไร ก็เป็นเรื่องภายในระหว่างจำเลยที่ ๒ กับคนของจำเลยผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่การที่จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถเพื่อไปยังจุดต้นทางตามหน้าที่นั้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างของนายจ้าง เมื่อจำเลยที่ ๑ กระทำละเมิดต่อโจทก์ดังนี้ จำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย
โจทก์มีรายได้เดือนละ ๖๐๐ บาท เมื่อโจทก์ถูกตัดขาแล้วไม่สามารถประกอบอาชีพได้เช่นปกติ ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายในอนาคต ๑๐ ปี เป็นเงิน ๗๒,๐๐๐ บาทนั้น เป็นการสมควรแล้ว แต่ค่าสินไหมทดแทนจำนวนนี้เป็นหนี้ค่าเสียหายในอนาคตมีกำหนดจำนวนแน่นอน ซึ่งโจทก์สามารถบังคับได้ในวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษา จึงควรคิดดอกเบี้ยให้นับแต่วันที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับ คือนับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ไม่ใช่นับแต่วันฟ้อง ดังคำพิพากษาศาลล่าง
พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องดอกเบี้ย โดยให้จำเลยร่วมกันเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีของเงิน ๗๒,๐๐๐ บาท นับแต่วันศาลชั้นต้นพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

Share