แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่านมสดที่ค้างชำระจากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยเป็นผู้ตกลงซื้อนมมาจากโจทก์ไปแล้ว ยังค้างชำระเงินค่านมอยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยให้การปฏิเสธว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริง จำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างไร แม้เพียงเสนอทาบทามถามซื้อก็ไม่เคยเลยและว่าไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกด้วย ดังนี้เป็นคำให้การที่อ้างเหตุไว้แล้วไม่ใช่แฏิเสธลอย ๆ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธินำพยานสืบตามที่ให้การไว้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ตกลงซื้อนมโคสดจากโจทก์โดยไม่จำกัดจำนวน และตกลงจะจ่ายเงินค่านมให้โจทก์เป็นงวดๆในเมื่อได้รับนมสดแล้ว โจทก์ได้จัดส่งนมโคให้จำเลยตลอดมา รวมทั้งสิ้นคิดเป็นเงินราคา ๑๖๔๐๕ บาท ๕๐ สตางค์ จำเลยได้ชำระเงินแล้ว ๒๗๓๐ บาท ยังคงค้างชำระอยู่ ๑๓๖๗๕ บาท ๕๐ สตางค์ ทวงถามก็ไม่ให้ จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า ขอปฏิเสธฟ้องทุกๆข้อที่โจทก์กล่าวอ้าง โจทก์ฟ้องด้วยความไม่จริงทั้งสิ้น จำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างใด แม้เพียงเสนอทางทามถามซื้อก็ไม่เคยเลย จึงไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกโจทก์ตั้งเรื่องฟ้องและทำบัญชีแสดงรายการต่างๆขึ้นเองด้วยความเท็จ
ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์แล้ว มีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ แต่หาได้อ้างเหตุแห่งการปฎิเสธตามที่บัญญัติไว้ใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๗๗ วรรค ๒ ไม่ จึงต้องถือว่าเป็นคำให้การปฏิเสธลอยๆ ไม่มีประเด็นที่จะสืบต่อไปแล้วฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานโจทก์ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าจำเลยได้ให้การอ้างเหตุไว้แล้วว่า จำเลยไม่เคยซื้อนมโคจากโจทก์ ไม่ว่าโดยตกลงกันอย่างใด แม้เพียงเสนอทาบทามถามซื้อก็ไม่เคยเลยและว่าไม่มีหนี้สินเกี่ยวค้างดังที่โจทก์ฟ้องเรียกด้วย ที่ศาลล่างว่าจำเลยปฏิเสธลอยๆ โดยไม่อ้างเหตุนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย
จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานจำเลยตามที่ให้การไว้แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ