แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์บรรยายถึงสถานที่เกิดการกระทำผิดไว้ถูกต้องแล้ว เป็นแต่กล่าวถึงสถานที่ที่จับจำเลยผิดไปโดยจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้นั้น ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโคของเจ้าทรัพย์หายโดยถูกคนร้ายลักไป ๑ ตัว เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามพบจำเลยทั้งสองกำลังพาโคของเจ้าทรัพย์ไป เจ้าทรัพย์จับจำเลยได้พร้อมทั้งโคของกลางโดยจำเลยบังอาจสมคบกันเป็นผู้ร้ายลักหรือรับโคไว้จากผู้ร้ายซึ่งรู้อยู่ว่าเป็น ของที่ได้มาจากกระทำผิดกฏหมาย เหตุเกิดที่ตำบลอุ่มจาร อำเภอภวาปี จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามกฏหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๔,๓๒๑,๖๓
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้ร้ายลักทรัพย์ ข้อตัดฟ้องในเรื่องฐานที่เกิดเหตุเมื่อฟังจำเลยเป็นผู้ลักไม่ต้องวินิฉัยพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๙๔ ตอนท้าย
จำเลยอุทธรณ์ว่า ที่จับจำเลยกับของกลางได้อยู่ในเขตต์ตำบลพันคอน ไม่ใช่ตำบลอุ่มจาร จะลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงดั่งศาลชั้นต้นว่าจำเลยสมคบกันเป็นผู้ร้ายลักทรัพย์ ข้อว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องนั้นเห็๋นว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง เพราะฟ้องโจทก์กล่าวข้อความไว้ชัดเจนว่า เจ้าทรัพย์ถูกคนร้ายลักโคที่ตำบลอุ่มจาร ทางพิจารณาได้ความสมฟ้อง ข้อที่ว่าจับจำเลยกับโคไดที่ใดเป็นเพียงเหตุประกอบในข้อลักทรัพย์ จึงพิพากษายืน
จำเลยฎีกาอ้างประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒,๑๕๘ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยคัดค้านเป็นปัญหาข้อกฏหมายว่าฐานที่เกิดเหตุในฟ้องต่างกับฐานที่ ที่พิจารณาได้ความว่าได้ชื่อว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องนั้น เห็นว่าโจทก์บรรยายข้อความในฟ้องเกี่ยวกับสถานที่ซึ่งเกิดเหตุการกระทำ พอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และโจทก์ก็สืบสมฟ้อง ไม่มีเหตุที่จะคิดเห็นว่าจำเลยไม่เข้าใจในเรื่องสถานที่เกิดเหตุหรือหลงข้อต่อสู้อย่างใด จำเลยจะยกประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ และมาตรา ๑๕๘ มาต่อสู้หาได้ไม่พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์