คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4550/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนมีความยาวกว่า 20หน้ากระดาษพิมพ์ มีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มรู้จักพวกของจำเลยที่จำเลยระบุว่าเป็นคนร้ายที่เข้าปล้นทรัพย์ พฤติการณ์ของจำเลยกับพวก ในวันที่ปล้นทรัพย์ และการแบ่งทรัพย์ที่ปล้นมาได้ และจำเลยได้นำ ชี้สถานที่ต่างๆ ที่คำให้การดังกล่าวระบุถึงให้พนักงานสอบสวนถ่ายภาพไว้ กับนำพนักงานสอบสวนไปค้นบ้านพักและจับกุมพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์ ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน โดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง จึงใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำความผิด คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนดังกล่าว กับพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีว่า ค้นบ้านจำเลยพบเอกสารแสดงการที่จำเลยติดต่อกับพวกที่เข้าปล้นทรัพย์พยานบุคคลที่ว่าจำเลยไปพบบุตรของพวกจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์แล้วถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายให้ไปขอรับเงินส่วนแบ่ง กับมีผู้พบเห็นพวกของจำเลย ที่เข้าปล้นทรัพย์มาพักที่บ้านจำเลยก่อนเกิดเหตุศาลรับฟังคำให้การ รับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนข้างต้นประกอบพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีเหล่านี้ลงโทษจำเลยได้
จำเลยแนะนำพวกของจำเลยให้มาปล้นทรัพย์ และก่อนปล้นทรัพย์ก็ได้ร่วมกันวางแผน แล้วจำเลยขับรถนำพวกของจำเลยไปส่งณ สถานที่แห่งหนึ่งต่อจากนั้นก็นำรถไปจอดซุ่มรออยู่ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่งเพื่อรับพวกของจำเลยที่เข้าปล้นทรัพย์ พาหลบหนี ปรากฏว่าขณะที่พวกของจำเลยเข้าปล้นทรัพย์ จำเลย จอดรถซุ่มรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากจนไม่อาจที่จะเข้าช่วยเหลือ หรือร่วมมือกับพวกกระทำการปล้นทรัพย์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลย เป็นตัวการร่วมกับพวกปล้นทรัพย์รายนี้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่พวกของจำเลย เข้าปล้นทรัพย์การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนการกระทำ ความผิด ฐานปล้นทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกอีก 3 คนที่ถึงแก่ความตายและที่ยังหลบหนีร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยร่วมกันวางแผนและแบ่งหน้าที่กัน และจำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี, 83 และ 86 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14, 15 ริบของกลาง คืนหรือใช้ราคาทรัพย์117,800 บาท กับคืนอาวุธปืนขนาด .38 แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง ลดโทษหนึ่งในสามแล้วให้จำคุก ริบของกลาง และให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 117,800 บาท กับคืนอาวุธปืนขนาด .38 แก่ผู้เสียหาย ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 เสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นนี้มีปัญหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ในการพิสูจน์ให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความว่าเห็นจำเลยที่ 1 กระทำการดังกล่าว คงมีแต่คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีเท่านั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบให้ฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง ในปัญหาว่าจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยความสมัครใจและตามความสัตย์จริงหรือไม่นั้น ปรากฏว่าในชั้นจับกุมจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาปล้นทรัพย์ และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 มีความยาวกว่า 20 หน้ากระดาษพิมพ์ มีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มรู้จักกับนายสวง สิบโทเอนก และสิบโทวีระ ที่จำเลยที่ 1 ระบุว่าเป็นคนร้ายที่เข้าไปปล้นทรัพย์ในโรงงานที่เกิดเหตุ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 กับพวกในวันที่นายสวงกับพวกปล้นทรัพย์ การแบ่งทรัพย์ที่ปล้นมาได้ตลอดจนการนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมและค้นบ้านพักสิบโทเอนกและสิบโทวีระ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้นำชี้สถานที่ต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนให้พนักงานสอบสวนถ่ายภาพ เช่น ร้านอาหารที่จำเลยที่ 1 และนายสวงกับพวกเข้าไปปรึกษาวางแผนปล้นทรัพย์ในเช้าวันที่ผู้เสียหายทั้งสองถูกปล้น สถานที่ที่จำเลยที่ 1 ขับรถไปส่งนายสวงกับพวกเพื่อไปปล้นทรัพย์ สถานที่จอดรถรอรับนายสวงกับพวกเพื่อพานายสวงกับพวกหลบหนีหลังจากปล้นทรัพย์แล้ว เป็นต้นนอกจากนี้คดียังได้ความจากคำพันตำรวจโทวิเชียร พูลทรัพย์ พนักงานสอบสวนซึ่งสอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ถึงรายละเอียดในคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ประกอบกับการที่จำเลยที่ 1นำชี้สถานที่ต่าง ๆ ที่คำให้การดังกล่าวระบุถึง ตลอดจนการที่จำเลยที่ 1 นำพนักงานสอบสวนไปจับกุมสิบโทเอนกและสิบโทวีระแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยความสมัครใจ ตามความสัตย์จริง ดังนั้นคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 จึงใช้ยันจำเลยที่ 1 ในชั้นพิจารณาได้ นอกจากนี้หลังเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจไปค้นบ้านจำเลยที่ 1พบกระดาษเขียนชื่อที่อยู่ของนายสวงคนร้ายที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยิงตายในวันปล้นทรัพย์ในกระเป๋าเงินของจำเลยที่ 1 และโจทก์มีนายสุรัตน์ บุตรนายสวงมาเบิกความว่าหลังเกิดเหตุแล้ว 2 วันจำเลยที่ 1 ไปพบบอกให้นายสุรัตน์ไปขอเงินจากสิบโทเอนกและสิบโทวีระมาทำศพนายสวงเนื่องจากเป็นเงินที่นายสวงสิบโทเอนก และสิบโทวีระ ได้จากการร่วมปล้นทรัพย์รายนี้ ทั้งนายพรมพยานโจทก์เบิกความว่านายสวงเคยมาพักที่บ้านจำเลยที่ 1 ก่อนเกิดเหตุปล้นทรัพย์ การที่จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนนำชี้สถานที่ต่าง ๆ ที่ระบุในคำให้การโดยสมัครใจไม่มีข้อต่อสู้ใด ๆ เช่นนี้ เมื่อนำมาพิจารณาประกอบพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวแล้ว เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้แนะนำนายสวงกับพวกมาปล้นทรัพย์รายนี้ จำเลยที่ 1 นายสวงกับพวกได้ร่วมกันวางแผนปล้นทรัพย์แล้วจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์นำนายสวงกับพวกไปส่ง ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ปรากฏ ในทางพิจารณาว่าห่างจากที่เกิดเหตุเท่าใด แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ดังกล่าวไปจอดซุ่มอยู่ ณ ที่อีกแห่งหนึ่งตามที่นัดหมายกันไว้ เพื่อรอรับนายสวงกับพวกที่ขับรถยนต์ของผู้เสียหายมาเปลี่ยนขึ้นรถของจำเลยที่ 1 เพื่อหลบหนีข้อเท็จจริงที่ฟังได้ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการร่วมกับนายสวงกับพวกปล้นทรัพย์รายนี้ เพราะขณะที่นายสวงกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสองนั้น จำเลยที่ 1 จอดรถซุ่มรออยู่ห่างจากที่เกิดเหตุมากจนไม่อาจที่จะเข้าไปช่วยเหลือหรือร่วมมือกับนายสวงกับพวกกระทำการปล้นทรัพย์ได้พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ช่วยเหลือและให้ความสะดวกในการที่นายสวงกับพวกปล้นทรัพย์รายนี้ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการสนับสนุนการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ และคดีฟังไม่ได้ว่านายสวงกับพวกปล้นอาวุธปืนขนาด .38 ไปด้วยจึงสั่งคืนให้ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 86 ลดโทษหนึ่งในสามแล้วให้จำคุกริบของกลาง ให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 117,800 บาท คำขอให้คืนอาวุธปืนขนาด .38 ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share