คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นและขับรถด้วยความเร็วสูงถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทอันเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและก่อให้เกิดผลโดยตรงที่ทำให้รถคันที่จำเลยขับข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถคันอื่นและบ้านของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา195วรรคสองประกอบมาตรา225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นไปตามถนนพุทธรักษาจากถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปวัดแพรกษา ซึ่งเป็นทางโค้งหน้าโรงงานแก้วปราการด้วยความเร็วสูงเกินสมควร จนไม่สามารถบังคับรถให้อยู่ในทางเดินรถของจำเลยได้ด้วยความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถยนต์โดยสาร และบ้านเลขที่ 456หมู่ที่ 3 รวมทั้งทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหาย และสังกะสีมุงหลังคาบ้านตกลงมาถูกนายสุพจน์ วิเศษโวหารผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เหตุเกิดที่ตำบลแพรกษาอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43, 157, 160 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43(2) ประกอบมาตรา 160 วรรคสาม เรียงกระทงลงโทษ ฐานขับรถในขณะเมาสุราจำคุก 2 เดือน ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 3 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 15 วัน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เห็นว่าความเสียหายจากการกระทำผิดมีมากจำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายเพียงบางส่วนจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น ทั้งขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกิดเหตุทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินคิดเป็นเงินจำนวนมาก และยังมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายอีกด้วยพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดของจำเลยนับว่าเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกและให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนจึงเหมาะสมแก่สภาพความผิดและนับว่าเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายืนกันมาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมและเรียงกระทงลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการไม่ชอบ เพราะการที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นและขับรถด้วยความเร็วสูงนั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทอันเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและก่อให้เกิดผลโดยตรงที่ทำให้รถคันที่จำเลยขับข้ามเกาะกลางถนนไปชนรถคันอื่นและบ้านของผู้อื่นได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับอันตรายแก่กาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสองประกอบมาตรา 225” พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43(2), 160 วรรคสาม ซึ่งเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 1 เดือน ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share