คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยื่นฟ้องแล้วระหว่างพิจารณาได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้ใช้ชื่อของบริษัทโจทก์ใหม่ แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้องเกี่ยวกับชื่อโจทก์ เพียงแต่ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยระบุในนามบริษัทโจทก์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ใหม่โจทก์ขอดำเนินคดีในนามใหม่ตลอดไปส่วนหนังสือที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อใหม่จะนำเสนอศาลในวันนัดพิจารณาศาลสั่งรวมคำแถลงนี้ไว้ในสำนวน ดังนี้ แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของบริษัทโจทก์ ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้แล้วว่าชื่อบริษัทโจทก์ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่แล้ว การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานมาโดยกล่าวเลขคดีเดิมได้ระบุชื่อบริษัทโจทก์เก่าใหม่มาด้วยจึงถือได้ว่าเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในคดีนั้นเองการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยเคยเป็นลูกจ้างโจทก์ จำเลยมีหนี้ที่จะต้องจ่ายให้โจทก์แต่จำเลยไม่จ่าย จึงขอให้บังคับให้จำเลยจ่าย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่นิติบุคคลไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่มีหนี้ที่จะต้องจ่ายให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ชั้นพิจารณาโจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2517 ว่า โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยระบุในนามบริษัทโจทก์ที่รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ให้เปลี่ยนใหม่ใช้นามว่า บริษัทเร่งพัฒนาประกันภัยจำกัด ขอดำเนินคดีในนามใหม่ดังกล่าวตลอดไป ส่วนหนังสือรับรองจะนำเสนอต่อศาลในวันพิจารณาครั้นถึงวันนัดพิจารณา ไม่มีบัญชีระบุพยานโจทก์ เจ้าหน้าที่ศาลตรวจค้นหาไม่พบศาลสอบโจทก์ โจทก์ยืนยันว่าได้ยื่นแล้ว แต่ลงชื่อโจทก์ตามชื่อใหม่

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว แต่ไม่ระบุชื่อโจทก์ให้ถูกต้องตามสำนวน เจ้าหน้าที่ศาลตรวจค้นไม่พบ ไม่ใช่เป็นการไม่จงใจไม่ยื่นบัญชีระบุพยานอนุญาตให้เลื่อนคดีไปเพื่อให้โอกาสโจทก์จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง

ต่อมาวันที่ 9 ตุลาคม 2517 โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานใหม่ในนาม”บริษัทชุมญาติประกันภัยจำกัด (บริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัด)” เป็นโจทก์และนายเอี่ยม ถนอมศักดิ์ จำเลย ส่วนข้อความตอนขอระบุพยานใช้ว่า “ข้าพเจ้าบริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัด โจทก์” ศาลชั้นต้นสั่งบัญชีระบุพยานว่า “โจทก์คดีนี้คือบริษัทชุมญาติประกันภัย จำกัด และยังไม่ได้ร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องบัญชีระบุพยานฉบับนี้เป็นบัญชีระบุพยานของบริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัดถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้และไม่ถือว่าเป็นบัญชีพยานโจทก์ จึงไม่รับบัญชีพยานฉบับนี้” โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีก

วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นถือว่าโจทก์ไม่มีพยานสืบ ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้รับบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2517 ของโจทก์ แล้วดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรู้คดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 9 ตุลาคม 2517 ในช่องระหว่างโจทก์จำเลย โจทก์ระบุช่องโจทก์ว่า “บริษัทชุมญาติประกันภัย จำกัด(บริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัด)” และตรงเนื้อความว่า ข้าพเจ้าขอระบุพยานกี่อันดับนั้น ก็ปรากฏว่าโจทก์ใช้ชื่อ “บริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัด” อันเป็นชื่อที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนใหม่จากกระทรวงพาณิชย์แล้ว ทนายโจทก์ที่ลงชื่อก็เป็นทนายในคดีหมายเลขคดีเดียวกับคดีนี้ โดยที่ทนายโจทก์ประสงค์จะระบุพยานคดีนี้ในชื่อโจทก์ ที่เปลี่ยนใหม่แล้วนั่นเอง เมื่อโจทก์ประสงค์จะระบุพยานในนามใหม่ และได้แถลงไว้ในคำแถลงลงวันที่ 20 กันยายน 2517 ด้วยว่า โจทก์ขอดำเนินคดีนี้ในนามใหม่ว่า “บริษัทเร่งพัฒนาประกันภัย จำกัด” ตลอดไป อนึ่งหนังสือรับรองเกี่ยวกับการนี้ คือ ที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ใช้นามใหม่จากระทรวงพาณิชย์ โจทก์จะนำเสนอต่อศาลในวันนัดพิจารณ ศาลชั้นต้นก็ได้สั่งรวมคำแถลงนี้ไว้ในสำนวน ซึ่งนับได้ว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้ในคำแถลงนี้แล้ว ดังนั้น แม้โจทก์จะไม่ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อของบริษัทโจทก์ ก็ต้องถือได้แล้วว่าศาลชั้นต้นได้รับรู้แล้วว่า ชื่อบริษัทโจทก์ได้มีการเปลี่ยนใหม่แล้ว การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานมาโดยกล่าวเลขคดีเดิมและได้ระบุทั้งชื่อบริษัทเก่าและใหม่ มาด้วยกันเช่นนี้ จึงถือได้ว่าเป็นบัญชีระบุพยานของโจทก์ในคดีนี้นั่นเอง ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานนี้จึงเป็นการไม่ชอบ

พิพากษายืน

Share