คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ.พูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ให้โจทก์ แต่ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่การยกให้ดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ ที่ดินยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย เมื่อ ฟ.ตายโดยไม่ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินย่อมเป็นทรัพย์มรดกของ ฟ.ตกได้แก่จำเลยผู้เป็นทายาทโดยธรรมของ ฟ.การที่จำเลยรับมรดกที่ดินดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอก จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าฉ้อโกงโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐,๓๔๒,๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายคดีโจทก์มีมูลพิพากษากลับให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดฐานฉ้อโกง
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่าโจทก์เป็นใบ้ นางเฟยมารดาจำเลยทั้งห้าและนางตุ่นมารดาโจทก์เป็นพี่น้องกันและเป็นภริยาของนายอินตา ศรีจันทร์ดร เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๖ นายอินตาตาย นางเฟยได้ยื่นคำร้องขอรับมรดกที่ดินทั้งหมดของนายอินตา ต่อมาปี พ.ศ.๒๔๘๙ นางตุ่นมารดาโจทก์ตาย ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ นางเฟยตาย และเมื่อปี พ.ศ๒๕๒๓ จำเลยทั้งห้าได้ขายที่ดินตามโฉนดเลขที่ ๒๙๙๔๙,๒๙๙๙๐,๒๙๙๘๗ และ ๒๙๙๘๘ ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ให้บริษัทเชียงใหม่แลนด์ จำกัด มีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของจำเลยทั้งห้าว่า จำเลยทั้งห้ากระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ โจทก์ระบุในคำฟ้องเพียงว่า โจทก์เป็นเจ้าของร่วมในที่ดินโฉนดที่ ๒๙๙๔๙,๒๙๙๙๐,๒๙๙๘๗ และ ๒๙๙๘๘ ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ตามคำบอกกล่าวของนางเฟย ศรีจันทร์ดร เจ้ามรดกก่อนตาย และตามทางพิจารณาโจทก์ได้นำสืบว่า ก่อนนางเฟยตายประมาณ ๖ เดือน โจทก์ไปขอที่ดินจากนางเฟย นางเฟยได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ ต่อมาที่ดินที่นางเฟยยกให้โจทก์ได้ถูกจำเลยทั้งห้าไปขอรับมรดกแล้วขายให้แก่บริษัทเชียงใหม่แลนด์ จำกัด เป็นการฉ้อโกงโจทก์เห็นว่าที่โจทก์อ้างว่าเป็นเจ้าของรวมอยู่ในที่ดินโฉนดทั้งสี่นั้น ก็โดยนางเฟยพูดยกให้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๒๕ บัญญัติว่า “การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่…” และมาตรา ๔๕๖ บัญญัติว่า “การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไซร้ท่านว่าเป็นโมฆะ…” ดังนั้น แม้ว่านางเฟยพูดยกให้บางส่วนซึ่งที่ดินพิพาทที่มีโฉนดอันเป็นอสังหาริมทรัพย์รายนี้ให้โจทก์จริง การยกให้ดังกล่าวก็ไม่สมบูรณ์ ที่พิพาทยังไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามกฎหมาย และเมื่อนางเฟยตายโดยไม่ปรากฏว่าได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ที่ดินดังกล่าวทั้งสี่โฉนดจึงเป็นทรัพย์มรดกนางเฟยตกได้แก่จำเลยทั้งห้าผู้เป็นทายาทโดยธรรมของนางเฟย การที่จำเลยทั้งห้ารับมรดกที่ดินทั้งสี่โฉนดดังกล่าว แล้วนำไปขายให้แก่บุคคลภายนอกจึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ และไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงดังโจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งห้าฐานฉ้อโกงมาไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยทั้งห้าฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share