คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 20 วัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษกักขัง 20 วัน แทนโทษจำคุก เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นฎีกาดุลพินิจในการวางโทษจำเลยของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 บทหนักที่สุดให้จำคุก 4 เดือนและมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160จำคุก 20 วัน รวมจำคุก 4 เดือน 20 วัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157ให้เปลี่ยนโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 160 เป็นโทษกักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฯลฯ พยานโจทก์ที่นำสืบยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาความผิดนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อหาความผิดดังกล่าวศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 20 วันศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษกักขัง 20 วัน แทนโทษจำคุกเท่านั้นซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษในข้อหาความผิดดังกล่าวนั้นเป็นฎีกาดุลพินิจในการวางโทษจำเลยของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share