แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเข้าทำนาพิพาทในระหว่างที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ไม่เป็นการผิดกฎหมายเพราะจำเลยเป็นผู้ชนะคดี ย่อมมีสิทธิเข้าทำนาได้โดยอาศัยสิทธิตามคำพิพากษา แม้ต่อมาภายหลังศาลฎีกาจะได้พิพากษากลับให้โจทก์ชนะก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในตอนนั้นกลายเป็นผิดกฎหมาย จึงไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าทำนาในระหว่างที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทน จำเลยก็ไม่ชำระขอให้ศาลบังคับ
จำเลยสู้ว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกและละเมิดสิทธิโจทก์ การทำนาของจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตชอบด้วยกฎหมาย และเป็นไปตามผลแห่งคำพิพากษาของศาล ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเกินความจริง และคดีโจทก์ขาดอายุความ
ในวันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยรับกันในเรื่องค่าเสียหาย และไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยเข้าทำนาในระหว่างความและในเวลาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ผลแห่งคำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความจนกว่าศาลสูงจะพิพากษาเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิด พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานบุกรุกเข้าแย่งทำนาเป็นการฟ้องโดยอาศัยมูลละเมิด แต่ปรากฏว่าจำเลยเข้าทำนาในระหว่างความ คือ เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดกฎหมายเพราะอาศัยสิทธิตามคำพิพากษาแม้ภายหลังศาลฎีกาจะได้พิพากษากลับให้โจทก์ชนะ ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยในตอนนั้นกลายเป็นผิดกฎหมายขึ้น จึงไม่เป็นการละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์