คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 183 ศาลมีอำนาจที่จะสอบถามคู่ความเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาท เมื่อศาลมีอำนาจแล้ว คู่ความก็มีหน้าที่ต้องแถลง หากไม่แถลง ข้อที่ไม่แถลงนั้น ย่อมไม่เป็นประเด็นในคดี
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินให้แก่คนของโจทก์ไปจึงขอหักหนี้ ศาลสอบถามโจทก์ ๆ แถลงแต่เพียงว่าโจทก์เห็นว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าได้ฝากเงินจำเลยไปและเงินที่ผู้แทนโจทก์ได้รับไปจากบุตรจำเลยคือเงินของโจทก์เอง ดังนี้เป็นข้อสืบนอกประเด็นรับฟังไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จ้างจำเลยนำเรือเสือพยัคจูงเรือโจทก์จากกรุงเทพฯ ไปบ้านดารา โจทก์ได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แล้ว จำเลยออกเรือไปแต่ไม่ถึงบ้านดาราได้นำเรือกลับเสีย จึงขอให้จำเลยคืนเงิน ๓๐๕๒ บาท จำเลยให้การว่าเรือไปติดน้ำ นายอุดมผู้แทนโจทก์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ควบคุมเรือไปด้วยไม่ยอมรอ จึงจ้างเรืออื่นจูงเรือโจทก์ไปจนถึงบ้านดารา ในการว่าจ้างเรือนายอุดมไม่มีเงินขอ จึงขอยืมเงินบุตรจำเลยผู้ควบคุมเรือแทนจำเลยไป ๓๒๒๕ บาท จำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้ว จำเลยเข้าใจว่า หักกลบลบหนี้กันเสร็จไปแล้ว อย่างไรก็ดีจำเลยยังมีสิทธิจะริบเงินค่าจ้างไว้ได้เพราะโจทก์ผิดสัญญา ในวันชี้สองสถานโจทก์แถลงว่า เหตุใดไม่ได้มีการจูงเรือไปยังบ้านดาราตามที่ตกลงกันไว้นั้น เพราะเหตุใดโจทก์ไม่ทราบ ศาลได้สอบถามเรื่องเงินฝ่ายที่จำเลยอ้างว่าได้จ่ายให้นายอุดมไป ๓๒๒๕ บาทดังคำให้การจำเลย โจทก์แถลงว่า การจ่ายเงินนี้โจทก์เห็นว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง รายนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นสัญญาจ้างเหมา โจทก์เป็นฝ่ายเลิกสัญญาโดยมิชอบ จำเลยมีสิทธิหน่วงเงินสินจ้ง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยคืน พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นสัญญาจ้างขนของ ที่ศาลแพ่งชี้ขาดว่าเป็นสัญญาจ้างเหมา คู่สัญญามีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อกันจนเป็นผลสำเร็จชอบด้วยข้อวินิจฉัยแล้ว แต่การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยให้เรือจำเลยกลับกรุงเทพฯ เป็นการสมควรแล้ว จำเลยจึงต้องคืนเงินให้โจทก์ พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๘๓ ศาลมีอำนาจสอบถามคู่ความเพื่อให้ได้ความชัดในประเด็นข้อพิพาท เมื่อศาลมีอำนาจถามแล้ว คู่ความก็มีหน้าที่ต้องแถลง หากไม่แถลงข้อที่ไม่แถลงนั้นก็ย่อมไม่เป็นประเด็นในคดี เรื่องนี้จำเลยต่อสู้ว่าได้จ่ายเงินให้แก่คนของโจทก์ไป จึงขอหักหนี้ ศาลสอบโจทก์ ๆ แถลงแต่เพียงว่า โจทก์เห็นว่าไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่ได้แถลงว่า หนี้รายที่จำเลยขอหักหนี้เป็นหนี้ที่ไม่แน่นอน หักกันไม่ได้ ฉะนั้นการที่โจทก์นำสืบว่าได้ฝากเงินจำเลยไป และเงินที่นายอุดมได้รับจากบุตรจำเลย คือ เงินของโจทก์เอง ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังว่า หนี้ยังไม่แน่นอน จึงเป็นข้อสืบนอกประเด็น ศาลฎีกาเห็นว่า จะรับฟังไม่ได้ ก็ต้องถือว่า เป็นหนี้ไม่แน่นอนและยอมให้จำเลยหักหนี้ และเมื่อจำเลยได้หักหนี้ก็เป็นการสมประสงค์กับที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share