แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่พาของซึ่งมิได้ผ่านด่านและเสียภาษีตาม พ.ร.บ.ถึงแม้จะมิได้เป็นเจ้าของก็ดี ต้องมีความผิดตาม ม.27 ข้างต้น หน้าที่นำสืบ ในเรื่องที่ว่าของกลางที่จับได้เป็นของที่ได้ผ่านด่านและเสียภาษีแล้วหรือยังเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบ ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.195 วรรค 1 ปัญหาข้อใดที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้ออ้างอิงมาแต่ชั้นศาลต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยช่วยเหลือส่งสินค้าซึ่งยังมิได้เสียภาษีและมิได้ผ่านด่านศุลกากรเพื่อเข้ามายังกรุงเทพ ฯ โดยทางรถไฟขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยว่า พะยานหลักฐานยังไม่เพียงพอจะลงโทษจำเลยได้
ศาลอุทธรณ์กลับให้ลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน ๓ เท่าราคาสินค้าและค่าภาษี จำนวน ๔๓๗๔ บาทตาม ม.๒๗ และให้ริบของกลางตามม.๓๔
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ทำผิดตามฟ้องและข้อที่จำเลยว่าไม่ควรมีผิดเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของนั้นเห็นว่า ม.๒๗ มิได้บัญญัติลงโทษแต่ฉะเพาะผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น ผู้นำหรือผู้พาของเข้ามาหรือเกี่ยวข้องในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษี ก็ยังมีความผิดด้วย และ ม.๑๐๑ ได้บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องสืบว่าของรายนี้ได้เคยผ่านด่านเสียภาษีมาแล้วหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของโจทก์ และเมื่อสืบไม่ได้จำเลยก็ต้องมีความผิด อนึ่งจำเลยฎีกามาว่า หีบสิ่งของที่เจ้าพนักงานจับได้นั้น ไม่ใช่หีบสิ่งของที่จำเลยส่งไปเป็นหีบที่ถูกสับเปลี่ยนนั้น จำเลยมิได้ยกเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น ศาลฎีการับวินิจฉัยให้มิได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์