แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาเช่าจะตกอยู่ในความควบคุมแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯหรือไม่อีกนัยหนึ่งสถานที่เช่านั้นจะเป็น ‘เคหะ’หรือไม่นั้น มีหลักการวินิจฉัยอยู่ตามคำพิพากษาฎีกาที่1099-1147/2491 ซึ่งมีความสำคัญอยู่ว่าจะต้องพิจารณาเจตนาของคู่กรณีในเวลาทำสัญญาประกอบกับเหตุผลแวดล้อมอื่นๆเช่น สภาพของสิ่งปลูกสร้าง อัตราค่าเช่า ทำเลที่ตั้งและการปฏิบัติของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายเหล่านี้ รวมกันว่าการเช่าสิ่งปลูกสร้างนั้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือมิใช่
ภรรยาโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากตึกเช่าศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ถือว่าเป็นเคหะจึงพิพากษายกฟ้องฟังคำพิพากษาแล้ว 4 วัน โจทก์กับจำเลยทำสัญญาเช่าขึ้นใหม่มีข้อความเพิ่มเติมขึ้นอีกว่า เช่าเพื่อทำการค้ามีกำหนดเวลาเช่า 2 เดือน พอครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาใหม่ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้คดีว่าอยู่อาศัยอย่างเดิม ดังนี้ ศาลจะงดสืบพยานโดยถือเอาผลคำพิพากษาในคดีเดิมมาเป็นเครื่องชี้ขาดว่าเป็นเคหะไม่ได้ ต้องให้สืบพยานเพื่อจะได้วินิจฉัยตามหลักที่วางไว้ในฎีกาที่1099-1147/2491 การที่สัญญาเช่าจะตกอยู่ในความควบคุมแห่งพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน หรือไม่มีหลักการวินิจฉัยอยู่ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1099-1147/2491 แล้วจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานของคู่ความจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่