คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 966/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยมิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันถือว่าเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้เงินยืมจำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องและให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย การส่งหากไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่แห่งอื่นให้ปิดหมายได้ เจ้าหน้าที่ศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย
จำเลยยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนดแปดวันนับแต่วันที่การปิดหมายมีผลพร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การโดยอ้างว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจะอุทธรณ์ทันทีไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226(1) พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลย มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยอันถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1)”
พิพากษายืน

Share