แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กดพิมพ์ลายนิ้วมือในหนังสือกู้มีพะยานรับรองแต่คนเดียวใช้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินค่าซื้อเรือน ๒ หลังกับที่นา ๑ แปลงไปจากโจทก์แล้ว สัญญาว่าจะโอนให้ภายหลัง และทำเปนสัญญากู้ในจำนวนเงินนั้น โดยมีลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้ แต่มีพะยานลงชื่อรับรองคนเดียว ดังนี้
ศาลเดิมตัดสินว่า วัดถุที่ประสงค์เดิมไม่ใช่กู้เงินกัน เงินที่จำเลยรับไปเปนราคาเรือนและค่านา แต่หากโอนกันไม่ทัน จำเลยจึงทำสัญญากู้ให้ไว้ สัญญานั้นก็มีผลเท่ากับหลักฐานในการรับเงิน จึงให้จำเลยโอนที่นากับเรือนให้โจทก์ หรือมิฉะนั้นให้ใช้เงิน
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับยกฟ้อง โดยฟังว่าเปนเรื่องกู้หนี้กัน แต่สัญญากู้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฎีกาเปนปัญหาข้อกฎหมาย อ้างประมวลแพ่ง ม.๔๕๖-๓๗๗-๙ และ ๑๑-๔๐๖
ศาลฎีกาเห็นว่า ในสัญญาไม่มีข้อความบ่งให้เห็นว่ามีการตกลงจะซื้อขายทรัพย์แก่กัน ทั้งโจทก์นำสืบไม่สม สัญญาที่โจทก์อ้างเปนแต่หนังสือกู้หนี้กันตามธรรมดา ผู้กู้ใช้กดพิมพ์ลายนิ้วมือมีพะยานลงชื่อแต่คนเดียว ไม่สมบูรณ์ตามประมวลแพ่ง ม.๙ จึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์