แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยพาโจทก์ซึ่งเป็นมารดาและผู้จัดการมรดกบิดาไปสำนักงานที่ดินแล้วจัดการให้โจทก์ทำนิติกรรมรับโอนที่ดินและบ้านมรดก แล้วจดทะเบียนโอนขายให้แก่จำเลย โดยอาศัยความไม่รู้หนังสือและระเบียบการของทางราชการ และความสุงอายุของโจทก์โจทก์มิได้มีเจตนากระทำเช่นนั้น นิติกรรมดังกล่าวจึงเกิดจากความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญ ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
นิติกรรมที่เป็นโมฆะถือเสมือนไม่มีการทำนิติกรรม ไม่จำต้องเพิกถอนศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รายพิพาทจึงมีความหมายเพียงบังคับให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนอันเกิดจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะนั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายชั้นสามีตามคำสั่งศาลจำเลยซึ่งเป็นบุตรโจทก์ได้พาโจทก์ไปสำนักงานที่ดินเพื่อขอรับโอนที่ดินและบ้านมรดกมาแบ่งแก่ทายาท โดยให้โจทก์ลงลายพิมพ์นิ้วมือในเอกสารของทางราชการต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยได้นำเอกสารดังกล่าวไปจดทะเบียนรับโอนมรดกใส่ชื่อโจทก์และโอนขายให้จำเลยซึ่งเป็นนิติกรรมที่เกิดจากการหลอกลวง โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าขายที่ดินจากจำเลยขอให้เพิกถอนนิติกรรมดังกล่าว
จำเลยให้การว่า โจทก์ขายที่ดินและบ้านมรดกให้จำเลยโดยสุจริตกระทำต่อหน้าเจ้าพนักงานที่ดิน โจทก์ได้รับเงินไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว เชื่อว่าจำเลยได้อาศัยความไม่รู้หนังสือตลอดจนความสูงอายุและความไม่รู้ถึงระเบียบการต่าง ๆ ของทางราชการของโจทก์จัดการให้โจทก์ทำนิติกรรมรายพิพาทโดยโจทก์ไม่ได้มีเจตนาที่จะกระทำเช่นนั้นจริง นิติกรรมรายพิพาทซึ่งเกิดจากความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมอันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ถือเสมือนว่าไม่มีการทำนิติกรรม ไม่จำต้องเพิกถอนนิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รายพิพาททั้งหมด มีความหมายเป็นเพียงบังคับให้มีการเพิกถอนรายการจดทะเบียนต่าง ๆ อันเกิดจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะเหล่านั้นเท่านั้น
พิพากษายืน.