คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ.2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรคสอง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)

ย่อยาว

ในระหว่างพิจารณาคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานนำสินค้าเข้ามาโดยไม่เสียภาษี ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าสินค้าเป็นของตนสั่งซื้อจากสิงค์โปรจะนำไปขายในอินโดจีนก็ถูกจับระหว่างทางขอให้คืนสินค้า แล้วต่อมายื่นคำร้องว่ากรมศุลกากรได้ขายทอดตลาดสินค้าไปแล้วขอให้สั่งกรมศุลกากรใช้เงินตามราคาสินค้า

ศาลอาญาพิจารณาคดีแล้วฟังว่า เรือบรรทุกสินค้ากำลังอยู่นอกเขตน่านน้ำไทยก็ถูกจับและเป็นสินค้าของผู้ร้อง ซึ่งไม่ได้ทำผิดด้วยพิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนผู้ร้อง ส่วนข้อที่ผู้ร้องขอให้ใช้ราคาแทนนั้น ชอบที่จะติดต่อกับกรมศุลกากรเอง ให้ยกคำร้องฉบับหลังเสียคดีถึงที่สุดโดยโจทก์ไม่อุทธรณ์

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า อธิบดีกรมศุลกากรไม่ยอมคืนสินค้าให้ขอให้เรียกมาสอบถาม ถ้าขัดขืนขอให้ขัง

ศาลอาญานัดสอบถาม อธิบดีกรมศุลกากรแถลงถึงข้อเท็จจริงที่เป็นมา และว่าพฤติการณ์ดังกล่าว เป็นการลักลอบหนีภาษีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ซึ่งตามพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 มาตรา 17 บัญญัติให้ริบสินค้าโดยไม่ต้องคำนึงว่า จะมีผู้ได้รับโทษหรือไม่และตั้งแต่จับยึดแล้วไม่มีผู้ใดขอคืนในกำหนด จึงตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 24 และได้ขายทอดตลาดไปแล้วเพราะเป็นของเสียง่ายตามมาตรา 25 วรรคสอง ได้เงิน 1,112,847.05 บาท หักจ่ายเป็นสินบนและรางวัลแล้วเหลือเงิน498,802.18 บาท ซึ่งได้นำส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินไปแล้วทั้งคนที่ศาลพิพากษาให้คืนของกลางกับคนที่มาร้องต่อกรมศุลกากรก็สงสัยว่าจะไม่ใช่บุคคลคนเดียวกัน และต่อมาแถลงว่าผู้ร้องไม่ใช่นายเบ๊หรือ จือเฮ้า แซ่ตั้ง ตัวจริง เพราะตัวจริงเป็นคนต่างด้าวซึ่งตายไปนานแล้ว ตั้งแต่ 7 กรกฎาคม 2495

ศาลอาญาสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลอาญาพิพากษาถึงที่สุดให้คืนของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้ง ก็จำต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่เรื่องนี้กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊ หรือ จือเฮ้า ตัวจริง โดยตัวจริงตายไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่7 กรกฎาคม 2495 ตามมรณบัตร โดยผู้ร้องมิได้แถลงแก้ประการใดและกรมศุลกากรโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่จับยึดสินค้ารายนี้ ไม่ปรากฏผู้ร้องไปแสดงตนอ้างสิทธิว่าเป็นเจ้าของสินค้าภายใน 30 วันตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไข (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ชอบที่ผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรคสอง

พิพากษายืน

Share