คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ล. กับ ศ. ขับรถกระแทกกันเป็นเหตุให้ ม. ตกจากรถถึงแก่ความตายอัยการได้ฟ้อง ล. เป็นคดีอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย โดยระบุในฟ้องและนำสืบว่า ล. กับ ศ. ต่างขับรถสวนกันด้วยความประมาทจึงเกิดเหตุ และศาลก็ได้อาศัยข้อเท็จจริงนั้นพิพากษาว่า ล.มีความผิด ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า ศาลมิได้ชี้ขาดว่าล. กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียว และเมื่ออัยการโจทก์เป็นผู้ดำเนินคดีอาญานั้นแทนบิดาของ ม. ผู้ตาย ต่อมาเมื่อบิดาของผู้ตายมาฟ้อง ล. กับนายจ้างเป็นคดีแพ่งเรียกร้องให้ใช้ค่าปลงศพและค่าขาดไร้อุปการะ ข้อเท็จจริงที่ว่า ล. มิได้กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียวนั้น ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ในคดีแพ่งนี้ด้วย ส่วนนายจ้างของ ล. นั้น ถ้าให้การปฏิเสธว่า ล. จำเลยมิได้ประมาท โจทก์จะต้องนำสืบด้วยว่า ล. ได้ขับรถโดยประมาท เพราะข้อเท็จจริงในคดีอาญาไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 1 ไปตามทางการที่จ้าง สวนกับรถยนต์บรรทุกของนายจวนซึ่งมีนายศักดิ์เป็นคนขับจำเลยที่ 2 ขับโดยประมาท รถจึงกระทบกับรถซึ่งนายศักดิ์เป็นผู้ขับ เป็นเหตุให้นายหมุนบุตรโจทก์ซึ่งนั่งอยู่ทางขวาของนายศักดิ์ตกจากรถตาย พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ตามสำนวนคดีดำที่ 98/2504 จำเลยต้องร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เป็นค่านำศพไปเก็บ ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะ และดอกเบี้ยขอให้พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน

จำเลยให้การต่อสู้คดี

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ได้ถูกฟ้องทางอาญาในเรื่องเดียวกันนี้ ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญานั้นว่า จำเลยที่ 2 กระทำการโดยประมาทด้วย (ในคดีส่วนอาญาศาลฟังไว้ว่า นายหมุนตายเนื่องจากความประมาทของจำเลยที่ 2 และนายศักดิ์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย) จำเลยที่ 2 จึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ครึ่งหนึ่งคือ 6,100 บาท ทั้งนี้เพราะมิได้ฟ้องนายศักดิ์ด้วย ส่วนจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์ไม่ได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาท เพื่อให้จำเลยที่ 1 ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดแต่จำเลยที่ 1 นำสืบได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ประมาท จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 6,100 บาท กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องเกี่ยวกับจำเลยที่ 1

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า 1. ตามคำพิพากษาในคดีอาญาแดงที่ 8/2505 (ดำที่98/2504) ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 แต่ฝ่ายเดียวขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้นายหมุนบุตรโจทก์ตาย นายศักดิ์ผู้ขับรถอีกคันหนึ่งมิได้ขับโดยประมาท จึงควรให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนไม่ใช่เพียงครึ่งหนึ่ง คือ 6,100 บาท

2. โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดชอบในฐานเป็นนายจ้างโจทก์นำสืบแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ขับรถไปในทางการที่จ้าง ก็เพียงพอให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 แล้ว

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า

1. ในคดีอาญาแดงที่ 8/2505 นั้น อัยการโจทก์ได้ระบุในฟ้องและนำสืบว่า จำเลยที่ 2 ในคดีนี้และนายศักดิ์ต่างขับรถสวนกันด้วยความประมาทจึงเกิดเหตุ และศาลก็ได้อาศัยข้อเท็จจริงนี้พิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตาย เห็นได้ว่าศาลมิได้ชี้ขาดว่าจำเลยที่ 2 กระทำการโดยประมาทแต่ฝ่ายเดียวอัยการโจทก์ก็เป็นผู้ดำเนินคดีอาญาแทนโจทก์ในคดีนี้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ย่อมมีผลผูกพันโจทก์ด้วย จึงไม่มีเหตุที่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยที่ให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่ง

2. คดีนี้ จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธว่า จำเลยที่ 2 มิได้กระทำการโดยประมาท โจทก์ย่อมมีหน้าที่ต้องนำสืบด้วยว่า จำเลยที่ 2 ได้ขับรถโดยประมาท ข้อเท็จจริงในคดีอาญาแดงที่ 8/2505 ไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อโจทก์ไม่นำสืบ จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด

พิพากษายืน

Share