แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมว่า จำเลยมิได้ระบุเหตุที่ไม่สามารถทราบว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสี่ทั้ง ๆ ที่จำเลยอ้างว่าตนเป็นเจ้าของที่พิพาทและจำเลยก็มีทนายความดำเนินคดีแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ทราบว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบประโยชน์ของตนและพยานหลักฐานบางอย่างก็มิเคยทราบว่ามีอยู่ ทั้งนี้เพราะทนายความคนเดิมมิได้ระบุอ้างว่าไว้ เมื่อทนายความคนใหม่เข้ารับหน้าที่จำเลยเพิ่งทราบว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญที่เป็นความจำเป็นนั้น เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำเลยได้เข้าไปในที่ดินโจทก์ ขุดร่องน้ำและล้อมรั้วกั้นแนวเขตที่ดินทางด้านทิศตะวันตกเป็นเนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวาและจำเลยได้ตัดฟันต้นลำไยของโจทก์ในที่ดินแปลงดังกล่าว 1 ต้นราคาประมาณ 5,000 บาท ขอให้บังคับให้จำเลยถมร่องน้ำ รื้อรั้วและชดใช้ค่าต้นลำไย 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะดำเนินการถมร่องน้ำและรื้อรั้วเสร็จสิ้น ห้ามจำเลยมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินโจทก์อีก
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย ร่องน้ำเป็นลำเหมืองสาธารณะ และต้นลำไยเป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยถมร่องน้ำและรื้อรั้วออกจากที่ดินโจทก์ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 5,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมหลังจากที่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนสืบพยานได้หมดแล้วนั้นในปัญหานี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่าจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเป็นประโยชน์นั้น จำเลยมิได้ระบุเหตุที่ไม่สามารถทราบว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนทั้ง ๆ ที่จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท และจำเลยก็มีทนายความดำเนินคดีแล้วเช่นนี้จึงไม่มีเหตุจะอนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสี่ ดังนั้นที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้วบางอย่างมาสืบเป็นประโยชน์ของตน และพยานหลักฐานบางอย่างก็มิเคยทราบว่ามีอยู่ ทั้งนี้เพราะทนายความคนเดิมมิได้ระบุอ้างไว้ เมื่อทนายความคนใหม่เข้ารับหน้าที่จำเลยเพิ่งทราบว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญที่เป็นความจำเป็นนั้นจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้จำเลย ค่าทนายความในชั้นฎีกาให้เป็นพับ