คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายและพวกเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ เรือนจำเลยในยามวิกาลโดยไม่บอกกล่าวเล่าขานแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าของบ้านถึงเหตุจำเป็นที่ต้องเข้ามา และกลับใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงขึ้นหลายนัด เช่นนี้ ย่อมมีเหตุสมควรให้จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายและพวกเข้ามาโดยเจตนาประทุษร้ายต่อจำเลย จำต้องยิงไปเพื่อป้องกันตนและทรัพย์สินของจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68, 62

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายผู้ตายโดยเจตนาจะฆ่า ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายสมเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และขอให้นับโทษต่อคดีอาญาดำที่ ๙๕๕/๒๕๑๐ ของศาลจังหวัดนครปฐม และริบของกลาง
จำเลยให้การว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว มิได้มีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าไม่ใช่เป็นการป้องกันตัวหรือทรัพย์ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ให้จำคุกยี่สิบปี คำให้การจำเลยมีประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่ได้หลบหนีและไปแจ้งความให้เจ้าพนักงานทราบ ลดให้หนึ่งในสี่ คงจำคุกสิบห้าปี ริบของกลาง แต่ให้ยกคำขอที่ให้นับโทษต่อ เพราะจำเลยพ้นโทษในคดีนั้นแล้ว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทำเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ ให้จำคุกสองปี นอกจากนี้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากผู้ตายและพวกเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ เรือนจำเลยในยามวิกาล โดยไม่บอกกล่าวเล่าขานแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าของบ้านถึงเหตุจำเป็นที่ต้องเข้ามา และกลับใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงขึ้นหลายนัด เช่นนี้ ย่อมมีเหตุสมควรให้จำเลยสำคัญผิดคิดว่าผู้ตายและพวกเข้ามาโดยเจตนาประทุษร้ายต่อจำเลย จำต้องยิงไปเพื่อป้องกันตนและทรัพย์สินของจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ประกอบด้วย มาตรา ๖๖ จำเลยจึงไม่มีความผิด
พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลล่างทั้งหมด เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป.

Share