แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เช่าตู้ไปรษณีย์ของที่ทำการไปรษณีย์ไว้ ซึ่งโจทก์จะต้องมารับหนังสือที่ส่งถึงโจทก์จากตู้ที่เช่านั้น เมื่อผู้จัดการของโจทก์ได้รับหมายเรียกซึ่งจำเลยส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปจากที่ทำการไปรษณีย์นั้นแล้วถือได้ว่าเป็นการส่งหมายเรียกโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถูกต้องชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา 8 ไม่จำต้องนำไปส่งที่สำนักงานของโจทก์
เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกให้โจทก์ไปพบกับให้นำบัญชีและเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปส่งมอบเพื่อไต่สวนและตรวจสอบแต่โจทก์ไม่ยอมไปพบและไม่ส่งเอกสาร เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินภาษีได้โดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน
โจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเจ้าพนักงานประเมินจึงประเมินภาษีการค้าโดยใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา 87 (3) ประกอบด้วยมาตรา 87 ทวิ (8) กรณีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินตามมาตรา 88
โจทก์เช่าตู้ไปรษณีย์ไว้ ในการส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่โจทก์พนักงานไปรษณีย์ได้เก็บคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นไว้ โดยออกหนังสือแจ้งความให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2529 ต่อมาโจทก์มอบให้คนของโจทก์มารับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2529 ซึ่งโจทก์จะต้องอุทธรณ์ต่อศาลภายใน 30 วันคือภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 2529 แต่ปรากฏว่าวันที่ 10 และ11 เป็นวันหยุดราชการ โจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องในวันที่12 พฤษภาคม 2529 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคลไปถึงโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ต่อมาโจทก์ได้รับหนังสือแจ้งว่าไม่รับคำอุทธรณ์เรื่องภาษีการค้า และได้รับแจ้งผลคำวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ไม่เห็นด้วยเพราะการส่งหมายเรียกให้โจทก์ โดยโจทก์ได้รับหมายเรียกทางตู้ไปรษณีย์เป็นการส่งหมายเรียกนอกภูมิลำเนาของโจทก์ เป็นการไม่ชอบเป็นผลให้การประเมินไม่ชอบไปด้วย การประเมินภาษีนั้นจำเลยไม่ได้ทำการไต่สวนให้ถูกต้องตามขั้นตอน การส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีและหนังสือแจ้งไม่รับคำอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการส่งที่ไม่ชอบ เพราะไม่ได้ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘ ขอให้พิพากษายกเลิกหนังสือไม่รับอุทธรณ์ เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
จำเลยให้การว่า โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน ๓๐ วัน นับแต่วันรับแจ้งผลคำวินิจฉัยอุทธรณ์ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เจ้าพนักงานประเมินส่งหมายเรียกให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกเจ้าพนักงานประเมินจึงทำการประเมินภาษีการค้า โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๗ (๓) โจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์จะนำคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ดังกล่าวมาฟ้องศาลไม่ได้ การส่งหมายเรียกและหนังสือให้โจทก์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า โจทก์เช่าตู้ไปรษณีย์ของที่ทำการไปรษณีย์สามเสนใน ซึ่งโจทก์จะต้องมารับหนังสือที่ส่งถึงโจทก์ไปจากตู้ที่เช่านั้น ปรากฏว่าผู้จัดการของโจทก์ได้รับหมายเรียกไปจากที่ทำการไปรษณีย์นั้นแล้ว โดยลงชื่อไว้ในใบตอบรับ การกระทำดังกล่าวนี้ไม่ปรากฏว่าเป็นการผิดระเบียบแต่อย่างใด ถือได้ว่าเป็นการส่งหมายเรียกโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนถูกต้องชอบด้วยประมวลรัษฎากร มาตรา ๘ แล้ว ไม่จำต้องนำไปส่งที่สำนักงานของโจทก์
เจ้าพนักงานประเมินได้ออกหมายเรียกให้โจทก์ไปพบและให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารหลักฐานประกอบการลงบัญชีไปส่งมอบเพื่อไต่สวนและตรวจสอบ แต่โจทก์ไม่ยอมไปพบและไม่ส่งเอกสาร ดังนี้เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินภาษีได้โดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์มิได้มีรายได้จากการให้กู้ยืมเงินนั้น เห็นว่าตามงบดุลปรากฏว่าโจทก์ให้ผู้อื่นยืมเงินไป ๘๔๘,๒๗๐ บาท ในการให้กู้ยืมนี้โจทก์ควรจะได้ดอกเบี้ย ซึ่งคำนวณแล้วเป็นดอกเบี้ยที่ควรได้รับจำนวน ๑๕๒,๖๘๘.๖๐ บาท ดังนั้นเจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจที่จะนำดอกเบี้ยจำนวนนี้มารวมคำนวณเป็นเงินได้หรือรายรับของโจทก์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๖๕ ทวิ (๔)
สำนักงานของโจทก์ปิด ไม่สามารถจะส่งหนังสือแจ้งการประเมินภาษีการค้า ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย และภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่โจทก์ได้ เจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงได้ทำการปิดหนังสือแจ้งการประเมินดังกล่าวไว้ที่ประตูหน้าสำนักงานของโจทก์ ซึ่งเจ้าพนักงานของจำเลยมีอำนาจที่จะกระทำเช่นนั้นได้ตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘ วรรคสาม จึงเป็นส่งหนังสือแจ้งการประเมินที่ถูกต้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินเจ้าพนักงานประเมินจึงได้ทำการประเมินภาษีการค้าโดยใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากรมาตรา ๘๗ (๓) ประกอบด้วยมาตรา ๘๗ ทวิ (๘)โดยทำการประเมินภาษีตามที่รู้เห็นหรือพิจารณาว่าถูกต้องเมื่อเป็นการประเมินตามมาตรา ๘๗ (๓) กรณีจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์การประเมินตามมาตรา ๘๘ ที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่รับอุทธรณ์เกี่ยวกับภาษีการค้าไว้พิจารณานั้น ชอบแล้ว
โจทก์เช่าตู้ไปรษณีย์ไว้ ในการส่งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่โจทก์นั้นพนักงานไปรษณีย์ได้เก็บคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นไว้ โดยได้ออกหนังสือแจ้งความให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๒๙ ต่อมาโจทก์มอบให้คนของโจทก์มารับคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นไปเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๙ ซึ่งโจทก์จะต้องอุทธรณ์คำวินิจฉัยอุทธรณ์ต่อศาลภายในกำหนด ๓๐ วัน คือภายในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๙ แต่ปรากฏว่าวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๙ เป็นวันเสาร์หยุดราชการรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์หยุดราชการอีกโจทก์จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๑
พิพากษายืน.