คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรรมเปนเครื่องชี้เจตนา จำเลยเปนข้าราชการยังไม่เคยรับอาญามาแต่ก่อน เมื่อทำผิดศาลยกเปนเหตุรอการลงอาญาได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเบิกเงินล่วงหน้าค่าเดินทางเพื่อย้ายไปรับราชการจังหวัดอื่นไปจากเจ้าพนักงาน ๑๔๖๒ บาท ๖๐ สตางค์ ต่อมาจำเลยส่งบัญชีการใช้จ่ายและใบสำคัญว่าได้จ่ายเงินไป ๑๔๕๔ บาท ๔๐ สตางค์ มีใบสำคัญค่าจ้างเรือ ๒ ฉะบับ ๆ หนึ่งนายจันลงชื่อรับเงิน ๕๕๐ บาท แต่ควรจริงจำเลยได้จ้างเรือนายจันนางใยผัวเมียลำเดียว ๕๕๐ บาท และจำเลยเบิกความอธิบายว่าใบสำคัญอันแท้จริง คือ ฉะบับที่ลงชื่อนางใย ส่วนใบที่ลงชื่อนายจันจำเลยส่งแทนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่มีใบสำคัญ เพราะบุตร์ภรรยาจำเลยอยู่ทางกรุงเทพฯ ต้องเสียค่ารถไฟมารับไปและค่าเรือยนต์ไปแก่งคอยไปชัยบาดาลอีกรวมเปนเงิน ๕๕๐ บาท ซึ่งถ้าส่งใบสำคัญตามจริงคลังคงไม่จ่ายเงินจำนวนนี้ให้ดังนี้
ศาลเดิมตัดสินว่าจำเลยคิดทุจริตยักยอกเอาเงินหลวงไว้ ๕๕๐ บาท ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือนตาม ม.๓๑๔ กับให้ใช้เงิน
ศาลอุทธรณ์ตัดสินกลับให้ยกฟ้องโดยเห็นว่าจำเลยมิได้คิดทุจริตยักยอกเงินรายนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยก็รู้อยู่ว่าเงินจำนวน ๕๕๐ บาท ถ้าส่งใบสำคัญตามจริงคลังคงไม่อนุญาตและการใช้จ่ายของจำเลยดูเปนการเหลวแหลก ย่อมเห็นเจตนาทุจจริตของจำเลย จึงตัดสินยืนตามศาลเดิม แต่จำเลยเปนข้าราชการยังไม่เคยรับอาญามาแต่ก่อน จึงให้รอการลงอาญาไว้

Share