แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน และไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวานมาฆ่าผู้เสียหาย ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ใต้ถุนบ้านของผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มรอเพื่อจะดักฆ่าผู้เสียหายนั้น จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัด เพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายในขณะเดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้
คดีไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองตามกฎหมาย คงได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อไม่ได้อาวุธปืนมาเป็นของกลางจะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่เมื่อจำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ 1 จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่ามีส่วนร่วมใน การพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีอาวุธปืน ๑ กระบอก ไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ และพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่ได้รับใบอนุญาต แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธนั้นยิงนายนิคม ผู้เสียหาย ๑ นัด โดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนที่จำเลยทั้งสองยิงไม่ถูกอวัยวะที่สำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๓๗๑, ๘๐, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๐, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๒ ปี ฐานพาอาวุธปืนโดยฝ่าฝืนกฎหมายตามมาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ ๑ ปี เมื่อวางโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้วไม่จำต้องนำโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาเรียงกระทงลงโทษอีก คงให้จำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้จำคุกคนละ ๑๒ ปี ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายนิคม ผู้เสียหาย ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า กระสุนถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย คดีคงมีปัญหาว่า การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ และจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่
ที่โจทก์นำสืบว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ เคยพูดกับนายทำว่าจะเก็บผู้เสียหายนั้น คงมีแต่คำของนายทำกล่าวอ้างขึ้นมาเท่านั้น ทั้งการที่จะฆ่าคนเป็นเรื่องที่ร้ายแรง ไม่ใช่เรื่องที่จะเที่ยวไปบอกผู้อื่นให้รับทราบ จึงยังไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังเป็นความจริงได้ เมื่อคดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายกับจำเลยทั้งสองไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบก็ไม่ปรากฏว่า ผู้เสียหายมีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นอย่างร้ายแรงอันจะทำให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างวาน ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้วางแผนมาก่อนหรือมาซุ่มดักรอเพื่อจะฆ่าผู้เสียหาย ขณะที่ผู้เสียหายนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านของตนเอง และจำเลยทั้งสองอยู่ที่บริเวณสวนผัก จะถือว่าเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนยังไม่ถนัดนัก เพราะจำเลยทั้งสองอาจคิดฆ่าผู้เสียหายขึ้นในขณะที่เดินผ่านที่เกิดเหตุก็เป็นได้ พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวมายังไม่พอฟังว่าเป็นการพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คดีฟังได้ความจากคำเบิกความของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองไม่เคยได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนเท่านั้น เมื่อเจ้าพนักงานไม่ได้อาวุธปืนที่จำเลยที่ ๑ ใช้ยิงผู้เสียหายมาเป็นของกลาง จะฟังว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตหาได้ไม่ แต่โดยเหตุที่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งไม่ได้รับใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืน แต่เป็นผู้ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วพาอาวุธปืนนั้นไป จำเลยที่ ๑ จึงต้องมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนจำเลยที่ ๒ ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่า มีส่วนร่วมในการพาอาวุธปืน จึงไม่มีความผิดในฐานนี้ด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ, ๗๒ ทวิ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก ๑ ปี อีกกระทงหนึ่งเมื่อรวมกับโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ ทั้งสิ้น ๑๓ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์