คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้ มีข้อความสำคัญว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระเงินและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญา ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนให้ทั้งสิ้นซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้ เพียงแต่อยู่ด้านหลัง สัญญาค้ำประกันนี้สมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับได้
โจทก์ผู้ให้ผู้กู้ตามสัญญากู้ แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว แต่ผู้กู้ยังไม่ชำระหนี้ หนี้นั้นยังไม่ระงับ ความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายเกรียงไกรได้กู้เงินโจทก์ไป ๔๓,๐๐๐ บาท แล้วผิดสัญญาโจทก์จึงฟ้องนายเกรียงไกรขอให้ชำระหนี้ และได้ตกลงประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว แต่นายเกรียงไกรไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ และไม่มีทรัพย์ใด ๆ ให้ยึดมาชำระหนี้ได้ จำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โจทก์แจ้งให้จำเลยใช้หนี้รายนี้แล้ว จำเลยไม่ยอมใช้ โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดหลายประการ รวมทั้งอ้างว่าสัญญาค้ำประกันไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องเอาจากจำเลย แต่ติดใจเรียกร้องเอาจากนายเกรียงไกรคนเดียว และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าสัญญาค้ำประกันมีผลใช้บังคับได้ แม้โจทก์ต้องคดีและทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนายเกรียงไกร แต่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยตามสัญญาค้ำประกันได้ สัญญากู้ยังไม่ถูกแทงเพิกถอน พิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้น ๔๓,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๗ (วันกู้) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเป็นเงิน ๑๓,๒๗๕ บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายเกรียงไกรได้กู้เงินโจทก์ไป ๔๓,๐๐๐ บาท ตามสัญญากู้หมาย จ.๑ ด้านหลังสัญญากู้ดังกล่าวเป็นแบบพิมพ์สัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยลงชื่อไว้ เฉพาะในช่องผู้ค้ำประกันโดยมิได้กรอกข้อความ แต่แบบพิมพ์นี้มีความสำคัญอยู่ว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ตามสัญญาผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชอบชำระหนี้แทนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อความต่อเนื่องกับสัญญากู้หมาย จ.๑ เพียงแต่อยู่ด้านหลังเท่านั้น ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันสัญญาค้ำประกันจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องให้บังคับคดีได้ ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า หนี้ตามสัญญาค้ำประกันระงับไปแล้ว เพราะโจทก์กับจำเลยฎีกาว่า หนี้ตามสัญญาค้ำประกันระงับไปแล้ว เพราะโจทก์กับนายเกรียงไกรได้ทำสัญญาประนีประนอมความกัน และศาลได้พิพากษาคดีตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องนายเกรียงไกรก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับนายเกรียงไกรผู้กู้เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันเมื่อนายเกรียงไกรยังไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ หนี้นั้นยังไม่ระงับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันยังมีอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันอีกได้
พิพากษายืน

Share