คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญา เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบให้ตนพ้นจากความผิดได้ แม้ว่าจำเลยจะมิได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อน เกี่ยวกับข้อที่จำเลยนำสืบนั้นเลยก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันชิงทรัพย์ธนบัตรรวม ๕๐๐ บาท ของนางหว่างตี้ และใช้ปืนยิงนางหว่างตี้ตาย โดยเจตนา ฆ่า ขอให้ลงโทษและให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๓๔ วรรคสุดท้าย ให้จำคุกจำเลยคนละ ๒๐ ปี กับให้จำเลยช่วยกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๕๐๐ บาท แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีไม่พอฟังว่า จำเลยเป็นคนร้ายกระทำผิดดังฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว นอกจาพยานโจทก์ฟังไม่ได้แล้ว จำเลยยังนำสืบได้ว่า ตามวันเวลาโจทก์หา นายขันธ์พยานโจทก์ไปทำงานขุดดินลูกรังทำถนนของบริษัท มหาไทย ซึ่งจำเลยเป็นลูกจ้างอยู่ตามหลักฐานซึ่งจำเลยส่งศาล นายขันธ์พยานโจทก์ไม่นาจะไปรู้เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นได้ ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ซักค้านพยานโจทก์ในข้อนี้ไว้ ยากที่จะรับฟังนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีอาญาเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะนำสืบให้ตนพ้นจากความผิดได้
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีไม่พอฟังว่า จำเลยเป็นผู้กระทำผิด พิพากษายืน

Share