คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำนันแจ้งแก่ตำหรวดไห้จับกุมผู้กะทำผิด แล้วไปรับเงินจากผู้ถูกจับและไปพูดต่อตำหรวดเพื่อไห้ปล่อยตัวผู้ถูกจับไปนั้นไม่เปนเรื่องไห้และรับสินบนตามมาตรา 138

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ไห้สินบนแก่จำเลยที่ ๒ ซึ่งเปนกำนัน จำเลยที่ ๒ รับเงินสินบนนั้น ขอไห้ลงโทสตามมาตรา ๑๒๕,๑๒๖,๑๓๘
ทางพิจารนาได้ความว่า จำเลยที่ ๒ ไปแจ้งแก่ตำหรวดว่าจำเลยที่ ๑ ค้ายางโดยไม่ได้รับอนุญาต ตำหรวดไปจับจำเลยที่ ๑ ๆ ว่าเปนของผู้มีชื่อฝากไปบ้านกล่ำ ไม่ได้ซื้อขายกัน ตำหรวดไปตามจำเลยที่ ๒ มา และแจ้งข้อแก้ตัวของจำเลยที่ ๑ ไห้ซาบ จำเลยที่ ๒ ได้ไปพูดกับจำเลยที่ ๑ ที่หลังห้อง แล้วจำเลยที่ ๑ ได้มอบเงินไห้จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ออกมาพูดว่า เรื่องนี้หย่าจับกุมเลย แต่ตำหรวดไม่ยอม.
สาลจังหวัดระยองวินิฉัยว่าจำเลยที่ ๒ รับเงินไว้เพื่อจะช่วยจำเลยที่ ๑ ไม่ไห้ถูกจับกุมส่วนจำเลยที่ ๑ รู้แล้วว่าจำเลยที่ ๒ เปนเจ้าพนักงานได้ไห้เงินไปเพื่อไห้พ้นผิดเรื่องค้ายาง จึงลงโทสจำเลยทั้ง ๒ ตามมาตรา ๑๓๘
จำเลยที่ ๒ อุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าไม่ไช่เรื่องไห้และรับสินบน จึงพิพากสายกฟ้องปล่อยจำเลยทั้ง ๒ คน
โจทดีกา สาลดีกาวินิฉัยว่า ตำหรวดจับจำเลยที่ ๑ ไว้ไนความควบคุมแล้ว การที่จำเลยที่ ๒ มาพูดจาและรับเงินจากจำเลยที่ ๑ แม้จะฟังว่าเพื่อช่วยเหลือจำเลยที่ ๑ ไห้พ้นจากการจับกุม ก็เปนเรื่องที่จำเลยที่ ๒ ทำไปเปนส่วนตัว จะถือว่าเปนการกระทำหรือละเว้นไนหน้าที่เจ้าพนักงานไม่ได้ จึงไม่ไช่เรื่องไห้สินบนแก่เจ้าพนักงาน จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share