แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้คาราโอเกะ อันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี แผ่นวิดีโอซีดี และเครื่องเสียงพร้อมลำโพง ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ริบตาม ป.อ. มาตรา 33 เพราะจำเลยได้นำไปฉายหรือให้บริการ วิดีโอซีดีคาราโอเกะที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงบริการลูกค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. ควมคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 20 วรรคสอง, 38 แต่ผู้ร้องทราบความต้องการของจำเลยว่าจำเลยต้องการติดตั้งตู้คาราโอเกะอย่างเร่งด่วนในทันทีแม้จำเลยยังไม่ได้รับใบอนุญาต ทั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้ารวมถึงกิจการค้าขายเจริญขึ้นตามไปด้วย ดังนี้รับฟังได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้จัดให้มีการฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ แม้คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ใช้ตู้คาราโอเกะของกลางอันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สีวิดีโอซีดี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี เครื่องเสียงและลำโพงในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีของกลางที่มีการแสดงภาพและ เสียงเพลงในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องฟังว่าทรัพย์ทั้งหมดถูกใช้ในการกระทำผิดของจำเลย ทรัพย์ชิ้นใดโดยตัวของมันเองจะเป็นวัสดุโทรทัศน์หรือไม่ก็ตาม ทรัพย์นั้นก็ยังคงเป็นทรัพย์ที่ ถูกใช้ร่วมกับทรัพย์อื่นในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาตอันควรต้องริบตาม ป.อ. มาตรา 33 อยู่ดี จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาว่าทรัพย์ชิ้นใดเป็นวัสดุโทรทัศน์อันจะริบตาม พ.ร.บ. ควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4 หรือไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4, 20 วรรคสอง และ 38 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จำคุก 1 เดือน และปรับ 3,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน และปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ของกลาง จำเลยทำสัญญาเช่าของกลางจากผู้ร้องไปใช้ส่วนตัว โดยผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยขอให้สั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ของกลางและผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามที่คู่ความนำสืบรับฟังในเบื้องต้นได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของตู้คาราโอเกะอันประกอบด้วย เครื่องรับโทรทัศน์สีขนาด 25 นิ้ว 1 เครื่อง เครื่องเล่นวิดีโอซีดี ขนาด 50 แผ่น แผ่นวิดีโอซีดี 50 แผ่น และเครื่องเสียงพร้อมลำโพง 1 ชุด ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้ริบเพราะจำเลยได้นำไปฉายหรือให้บริการวิดีโอซีดีคาราโอเกะที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงบริการลูกค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ ได้ความจากผู้ร้องและจำเลยว่า ผู้ร้องมีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง โดยเคยแวะมารับประทานอาหารที่ร้านอาหารชัยพฤกษ์ข้าวต้มโต้รุ่งของจำเลยและเคยเสนอต่อจำเลยว่า ผู้ร้องมีตู้คาราโอเกะให้เช่า หากจำเลยจะนำมาใช้ส่วนตัวก็ไม่ต้องขออนุญาต แต่หากจะนำมาให้บริการแก่ลูกค้าด้วยการหยอดเหรียญก็ต้องขออนุญาตซึ่งจำเลยเห็นด้วยเพราะลูกค้าของจำเลยก็มีความต้องการเช่นนั้น ต่อมาไม่นานจำเลยก็ได้ติดต่อผู้ร้องเพื่อขอเช่าตู้คาราโอเกะของกลางซึ่งผู้ร้องยินยอมให้จำเลยเช่า คำพยานผู้ร้องได้ความดังนี้เห็นว่าผู้ร้องมีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ผู้ร้องน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่ใช้บังคับแก่สถานบันเทิงดีพอสมควรจึงได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตามกฎหมายแก่จำเลยอย่างถูกต้อง และการที่ผู้ร้องนำเสนอความคิดเกี่ยวกับการสนองความต้องการของลูกค้าของจำเลยที่จะนำเอาตู้คาราโอเกะมาให้ความบันเทิงภายในร้านอาหารของจำเลยก็นับได้ว่าผู้ร้องและจำเลยมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ประกอบกับในขณะนั้นจำเลยยังไม่ได้ติดตั้งตู้คาราโอเกะเพื่อบริการลูกค้าซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าจำเลยต้องยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้ฉายหรือให้บริการตู้คาราโอเกะอย่างแน่นอน และการขออนุญาตในเรื่องดังกล่าวต้องใช้เวลานับเดือนกว่าจะได้รับใบอนุญาต จำเลยเองก็เคยแจ้งให้ผู้ร้องทราบด้วยแล้วว่า มีลูกค้าเรียกร้องให้นำตู้คาราโอเกะมาให้บริการโดยหยอดเหรียญเพื่อจะได้ร้องเพลงอีกด้วย ข้อเท็จจริงจึงบ่งชี้ให้น่าเชื่อว่าขณะที่ผู้ร้องกับจำเลยเจรจากันอยู่นั้นจำเลยมีความต้องการที่จะติดตั้งตู้คาราโอเกะอย่างเร่งด่วนซึ่งหากจำเลยได้รับตู้คาราโอเกะมาเมื่อใดจำเลยก็จะติดตั้งในทันทีแม้จะยังไม่ได้รับใบอนุญาตก็ตาม และผู้ร้องน่าจะทราบความต้องการของจำเลย ทั้งนี้เพื่อเป็นการเอาใจลูกค้ารวมถึงกิจการค้าขายเจริญขึ้นตามไปด้วย ข้อเท็จจริงดังได้วินิจฉัยมานี้รับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
ที่ผู้ร้องฎีกาโต้แย้งว่า สิ่งที่จะเรียกว่าเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ที่จะริบได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ. 2530 มาตรา 4 ได้นั้นก็เฉพาะแต่วิดีโอซีดีเท่านั้น ส่วนเครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องเล่นวิดีโอซีดี เครื่องเสียงและลำโพงที่ถูกริบหาใช่เป็นวัสดุโทรทัศน์อันจะริบตามบทบัญญัตินั้นได้ไม่นั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้จัดให้มีการฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์ แม้คำพิพากษาดังกล่าวไม่ผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งว่าจำเลยไม่ได้ใช้ตู้คาราโอเกะของกลางอันประกอบด้วยเครื่องรับโทรทัศน์สีวิดีโอซีดี เครื่องเล่นวิดีโอซีดี เครื่องเสียงและลำโพงในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีของกลางที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องฟังว่าทรัพย์ทั้งหมดถูกใช้ในการกระทำผิดของจำเลย ทรัพย์ดังกล่าวชิ้นใดโดยตัวของมันเองจะเป็นวัสดุโทรทัศน์หรือไม่จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ไม่ควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา เพราะไม่ว่าทรัพย์นั้นจะเป็นวัสดุโทรทัศน์หรือไม่ก็ตาม ทรัพย์ดังกล่าวก็ยังคงเป็นทรัพย์ที่ถูกใช้ร่วมกับทรัพย์อื่นในการกระทำความผิดฐานฉายวิดีโอซีดีที่มีการแสดงภาพและเสียงเพลงขึ้นในสถานที่ให้บริการเทปหรือวัสดุโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต อันควรต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อยู่ดี ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาข้อนี้ของผู้ร้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน