คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2536

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 27 จะต้องได้ความว่างานที่เป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์และจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ให้เช่าเสนอให้เช่า หรือนำออกโฆษณานั้นเป็นงานที่ถูกทำซ้ำ หรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์แต่ม้วนเทปของกลางมิได้ถูกทำซ้ำหรือดัดแปลงดังนั้น แม้จำเลยจะมีม้วนเทปของกลางไว้ให้เช่าเสนอให้เช่า หรือนำออกโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 27

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ โจทก์เป็นผู้สร้างสรรค์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานภาพยนตร์วีดีโอเทป เรื่อง The Blood Stained Intrigueชื่อภาษาไทยว่า “ดาบฟ้ากระบี่มาร” เรื่อง Heir To The Throne Isชื่อภาษาไทย “ลิขิตฮ่องเต้” และเรื่อง The Superative affectionsชื่อภาษาไทยว่า “คนเหนือคน” ภาพยนตร์ดังกล่าวโฆษณาครั้งแรกที่เมืองฮ่องกงได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายเมืองฮ่องกงซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษซึ่งทั้งประเทศอังกฤษและประเทศไทยต่างเป็นภาคีแห่งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมณ กรุงเบอร์น อีกทั้งประเทศไทยและเมืองฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองลิขสิทธิ์เช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ จำเลยซึ่งประกอบกิจการค้าภาพยนตร์วีดีโอเทปได้ทำซ้ำหรือดัดแปลงภาพยนตร์วีดีโอเทปของโจทก์ดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำออกขาย ให้เช่าหรือเสนอขาย เสนอให้เช่าหรือแจกจ่ายแก่บุคคลทั่วไปในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นและยึดภาพยนตร์วีดีโอเทปจากร้านค้าของจำเลยเรื่อง “ดาบฟ้ากระบี่มาร” 1 ม้วนเรื่อง “ลิขิตฮ่องเต้” 3 ม้วน และเรื่อง “คนเหนือคน” 3 ม้วนเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 13, 24, 25, 26, 27, 42, 43, 44, 47, 49 พระราชกฤีษากากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 มาตรา 3, 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กับให้ของกลางตกเป็นของโจทก์และค่าปรับที่ชำระตามคำพิพากษาให้จ่ายแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 27, 44 วรรคสอง ลงโทษปรับ10,000 บาท ให้ม้วนภาพยนตร์วีดีโอของกลางตกเป็นของโจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 13, 24, 25, 26ซึ่งมีโทษตามมาตรา 43 และจำเลยได้กระทำผิดมาตรา 27ซึ่งมีโทษมาตรา 44 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 27, 44 วรรคสอง จำเลยอุทธรณ์ ส่วนโจทก์ไม่อุทธรณ์ความผิดตามมาตรา 13, 24, 25, 26, 43 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเป็นอันยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น คดีจึงขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกาเฉพาะมาตรา 27 และมาตรา 44 ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น ข้อเท็จจริงได้ความตามที่คู่ความไม่โต้เถียงกันว่าเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เวลา11.40 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นร้านค้าจำเลยซึ่งทำการให้เช่าวีดีโอเทป ได้ยึดวีดีโอเทปรวม 4 ม้วน เป็นของกลางซึ่งเป็นงานลิขสิทธิ์ของโจทก์ ปัญหาว่าจำเลยได้กระทำผิดตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 หรือไม่ความตามมาตรา 27 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำการอย่าาง หนึ่งอย่างใดแก่งานนั้นดังต่อไปนี้
(1) ให้เช่า เสนอให้เช่า
(2) นำออกโฆษณา
ฯลฯ”
ตามบทบัญญัติดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่า คดีจะต้องได้ความว่างานที่เป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์และจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ให้เช่าเสนอให้เช่า หรือนำออกโฆษณานั้น จะต้องเป็นงานที่ถูกทำซ้ำหรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ แต่คดีนี้ไม่ได้ความว่าม้วนเทปของกลางได้ถูกทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือไม่ ทั้งฎีกาโจทก์ก็มิได้ยืนยันความดังกล่าว กลับกล่าวอ้างว่าม้วนเทปของกลางเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์จำเลยนำให้เช่า เสนอให้เช่าโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น คดีจึงต้องฟังว่าม้วนเทปของกลางมิได้ถูกทำซ้ำหรือดัดแปลง ดังนั้น แม้จำเลยจะมีม้วนเทปของกลางไว้ให้เช่าเสนอให้เช่า หรือนำออกโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ตามที่โจทก์ฎีกา การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 27หากจะเป็นความผิดก็เป็นกรณีอื่นซึ่งมิได้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน

Share