แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 วรรค 2 บัญญัติว่า สัญญาเช่าซื้อนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าเป็นโมฆะ ซึ่งหมายความถึงว่า เจ้าของทรัพย์สินและผู้เช่าซื้อจะต้องลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อด้วยกันทั้งสองฝ่าย
โจทก์เป็นบริษัทจำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลและจดทะเบียนข้อบังคับไว้ว่าลายมือชื่อกรรมการใดๆ สองนายร่วมกันพร้อมด้วยตราบริษัทพึงมีผลผูกพันบริษัท แต่ตามสัญญาเช่าซื้อกรรมการบริษัทโจทก์ลงชื่อเพียงคนเดียวและไม่ได้ประทับตราบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทหนึ่งซึ่งได้จดทะเบียนไว้ เท่ากับว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์หรือให้เช่าซื้อไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อ สัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดจดทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ กำหนดอำนาจกรรมการของบริษัทไว้ว่า ลายมือชื่อของกรรมการใดๆ สองนายร่วมกันพร้อมด้วยตราสำคัญของบริษัทมีผลผูกพันบริษัทได้ ส่วนการทำสัญญาเช่าซื้อกับลูกค้าอันเป็นการจัดการบริษัทประจำวันนั้น มติกรรมการกำหนดให้กรรมการใดลงนามเพียงรายเดียวได้ มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทเงินทุนและการค้าหลักทรัพย์ โดยออกเงินลงทุนในการซื้อทรัพย์เพื่อให้ลูกค้าเช่าซื้อไปใช้ มีนายวิลเลียม แมสสัน คัมมิ่ง ซิม เป็นกรรมการผู้จัดการ และนายปูนจิตต์ พุ่มสถิตย์ เป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัท ปรากฏตามหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครท้ายฟ้อง เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๖ โจทก์ได้รับเสนอขอเช่าซื้อจากจำเลยที่ ๑ ขอให้โจทก์ซื้อรถยนต์จากบริษัทไทยยานยนต์ จำกัด และนำออกให้ผู้ทำคำขอเสนอขอเช่าซื้อไปทันที โจทก์จึงได้ซื้อรถยนต์ตามที่แจ้งในคำเสนอขอเช่าซื้อจากบริษัทไทยยานยนต์ จำกัด ในราคา ๙๙,๐๐๐ บาท คือรถยนต์ฟอร์ด คอร์ตินาแอล แบบเก๋งรุ่นปี ๑๙๗๓ เลขทะเบียน ก.ท.อ.๖๗๐๘ หมายเลขเครื่อง ๑๑๙๖๙ โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยที่ ๑ โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดเป็นลูกหนี้ร่วม สัญญาเช่าซื้อกำหนดให้ผู้เช่าซื้อผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นระยะเวลา ๓๖ เดือน ผู้เช่าซื้อชำระครั้งแรกเพื่อสิทธิเลือกซื้อด้วยเงินสดระยะเวลา ๓๖ เดือน ผู้เช่าซื้อชำระครั้งแรกเพื่อสิทธิเลือกซื้อด้วยเงินสด ๒๖,๐๐๐ บาท จำนวนที่เหลือขอผ่อนชำระเดือนละ ๒,๗๕๘ บาท จำเลยที่ ๑ ได้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เรื่อยมาจนถึงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๑๖ จึงผิดนัดส่งชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์มอบให้ตัวแทนติดตามทวงถาม เมื่อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อเกินกว่า ๒ ครั้งติดกัน แล้วจึงได้บอกเลิกสัญญา ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนและชำระหนี้ แต่จำเลยทั้งสองละเลย โจทก์มอบเรื่องให้ทนายดำเนินการ จำเลยจึงติดต่อขอผ่อนชำระหนี้ แต่หลีกเลี่ยงที่จะให้ตัวแทนโจทก์ตรวจสอบทรัพย์สินที่เช่าซื้อและได้นำไปให้ผู้อื่นเช่าอันเป็นการผิดสัญญาและทำความเสียหายให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ใช้การได้ดีแก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งมอบได้ก็ให้ใช้ราคาเป็นเงิน ๙๙,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย กับให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ที่ควรได้ ๒๒,๙๙๓ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยและให้จำเลยทั้งสองจะมอบรถยนต์หรือใช้ราคาให้แก่โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากกรรมการบริษัทโจทก์ลงชื่อไม่ครบ ๒ คน เป็นการผิดข้อบังคับของบริษัทโจทก์ สัญญาเช่าซื้อท้ายฟ้องเป็นโมฆะ สัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นสัญญาอุปกรณ์ก็ตกเป็นโมฆะด้วย รถยนต์ที่จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อได้สูญหายไปเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๑๗ ขณะที่จอดไว้ในถนนหลวงโดยไม่ใช่ความผิดของจำเลยทั้งสอง ความสูญหายนั้นจึงตกเป็นพับแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าของ จำเลยได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์แล้วเป็นเงิน ๔๒,๕๔๘ บาท โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยเดือนละ ๒,๗๕๘ บาท ๗ เดือน เป็นเงิน ๑๙,๓๐๖ บาทสูงเกินไป ค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกินเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท โจทก์ขอให้ใช้ราคาแทน ๙๙,๐๐๐ บาท ในกรณีที่จำเลยไม่สามารถส่งมอบรถยนต์คืนเป็นการไม่ชอบ หากต้องใช้ก็ไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าโจทก์จะอาศัยสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อได้หรือไม่ ว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๗๒ วรรค ๒ บัญญัติว่าสัญญาเช่าซื้อนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือท่านว่าเป็นโมฆะ ซึ่งหมายความถึงว่าเจ้าของทรัพย์และผู้เช่าซื้อจะต้องลงลายมือชื่อในสัญญาเช่าซื้อด้วยกันทั้งสองฝ่าย โจทก์เป็นบริษัทจำกัดซึ่งเป็นนิติบุคคลและจดทะเบียนข้อบังคับไว้ว่าลายมือชื่อกรรมการใดๆ สองนายร่วมกันพร้อมด้วยตราบริษัทพึงมีผลผูกพันบริษัท แต่ตามสัญญาเช่าซื้อหมาย จ.๙ นายปูนจิตต์ พุ่มสถิตย์ กรรมการบริษัทโจทก์ ลงชื่อเพียงคนเดียวและไม่ได้ประทับตราบริษัท ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทซึ่งได้จดทะเบียนไว้ เท่ากับว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์หรือผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้ลงชื่อในสัญญาเช่าซื้อสัญญาดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ
พิพากษายืน