คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951-953/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลที่จะจัดการแทนผู้เสียหายซึ่งเป็นนิติบุคคล คือผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคลผู้แทนดังกล่าวจะมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้ฟ้องคดีอาญาแทนนิติบุคคลนั้นไม่ได้
การขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญานั้น โจทก์จะต้องอ้างถึงเหตุอันควรในการขอแก้หรือเพิ่มเติมด้วย
(หมายเหตุ มาตรา 5(3) เทียบ ฎีกาที่ 229/2490,618/2490,2028/2499
มาตรา 163 เทียบฎีกาที่ 533/2496)

ย่อยาว

คดี ๓ สำนวนนี้ ศาลพิจารณาพิพากษารวมกันข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๑ บริษัทนานยาง ฯ แห่งเมืองสิงคโปร์ ผู้ผลิตรองเท้ายางจำหน่าย ได้มอบอำนาจให้นายทองหล่อเป็นผู้แทนจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของบริษัทในประเทศไทย เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนไว้แล้วเป็นรูปตราช้างอยู่ในวงรูปดาวเป็นเครื่องหมายสี่เหลี่ยมเล็ก สำหรับใช้ติดที่พื้นรองเท้ายาง และปีนั้นเองบริษัทวัฒนสินพาณิชย์ตัวแทนในประเทศไทย ได้สั่งรองเท้ายางของบริษัทนานยาง ฯ เข้ามาจำหน่ายถึง พ.ศ.๒๔๙๕ ปรากฎว่ามีรองเท้ายางซึ่งมีพื้นทำเป็นรูปดาวอย่างเดียวกับของบริษัทนานยาง ฯ จำหน่ายในท้องตลาดมาก โดยที่นางทองหล่อได้จดทะเบียนไว้เฉพาะเครื่องหมายตราช้างอย่างเดียว บริษัทนานยาง ฯ จึงให้นายทองหล่อจดทะเบียนเครื่องหมายตราดาวอย่างเดียวกับของบริษัทจำหน่ายในท้องตลาดอยู่บริษัทนานยาง ฯ จึงมอบให้นายวิชัย แซ่โซ ร้องทุกข์ต่อตำรวจนำจับบริษัทจำเลยทั้งสามพร้อมกับจำเลยผู้จัดการ
อัยการโจทก์จึงฟ้องคดีทั้งสามว่า จำเลยทั้งสามได้บังอาจเลียนแบบอย่างเครื่องหมายการค้าของบริษัทนานยาง ฯ ซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้วมาใช้ในการผลิตรองเท้ายาง โดยมีเจตนาจะลวงให้ผู้ซื้อหลงว่าเป็นรองเท้ายางของบริษัทนานยาง ฯ และ จำเลยบังอาจขายรองเท้าดังกล่าวในทางทุจริต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๔๗๔ มาตรา ๓,๔,๒๗ และกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๓๗,๒๓๘ บริษัทนานยาง ฯ โดยนายโชวิชัยหรือ วิชัย แซ่ซอ เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจได้ขอร่วมเป็นโจทก์ด้วย ศาลอนุญาต
ก่อนสืบพยาน อัยการโจทก์ร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่าบริษัทนานยาง ฯ ได้ผลิตรองเท้าผ้าใบจำหน่ายโดยใช้ลวดลายตราดาวอยู่ในเส้นคู่คดกฤช ภายในเส้นขนานเป็นเครื่องหมายการค้าอยู่ที่พื้นรองเท้ามาประมาณ ๑๗-๑๘ ปีแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไว้สอบจำเลยวันนัด แต่ก็ไม่ได้มีการสอบจำเลยจนกระทั่งสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว ในวันนัด แต่ก็ไม่ได้มีการสอบจำเลยจนกระทั่งสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลสอบจำเลยในเรื่องแก้ฟ้องนี้แล้วยังเห็นควรสั่งอนุญาตดังที่ได้อนุญาตไปแล้ว จำเลยทุกคนแถลงคัดค้านคำสั่งนี้เพื่ออุทธรณ์ฎีกาต่อไป แล้วศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งหมดผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๓๘ ให้จำคุกคนละ ๑ เดือน ปรับคนละ ๕๐๐ บาท แต่โทษจำคุกให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต บริษัทนานยาง ฯ ชอบที่จะไปว่ากล่าวกับจำเลยในทางแพ่ง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
อัยการและบริษัทนานยาง ฯ โจทก์ต่างฎีกาขึ้นมา
ศาลฎีกาเห็นว่า
(๑) บริษัทนานยาง ฯ เป็นนิติบุคคล แต่งตั้งให้นายโซวิชัยเป็นตัวแทนฟ้องความทั้งทางแพ่งและอาญา แต่ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา ๕ (๓) บังคับว่าบุคคลที่จะจัดการแทนผู้เสียหายได้คือผู้จัดการหรือผู้แทนของนิติบุคคล ไม่มีบทใดบัญญัติว่า ให้ผู้แทนมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้แทนฟ้องคดีอาญาได้อีก ฉะนั้น ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยฎีกาของบริษัทนานยาง ฯ ไม่ได้
(๒) คำร้องของอัยการโจทก์ที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น โจทก์มิได้อ้างถึงเหตุสมควรในการขอเพิ่มเติมฟ้อง ทั้งข้อนี้ก็เป็นข้อสำคัญ ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้เป็นฟ้องเพิ่มเติมจึงชอบแล้ว
(๓) ปรากฎตามท้องสำนวนว่า เครื่องหมายที่พื้นรองเท้ายางที่โจทก์อ้างว่าเป็นเครื่องหมายการค้านั้น ไม่เจาะจงว่าเป็นเครื่องหมายการค้า โดยเฉพาะบริษัทจำเลยเคยผลิตรองเท้าที่มีลวดลายเช่นนั้นตามที่เคยทำมาแต่เดิมอย่างไรก็คงผลิตเช่นนั้น จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทุจริตและเจตนากระทำผิด พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share