คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำเงินจำนวน12,000บาทและ3,000บาทไปชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์นั้นแม้ผู้แทนโจทก์ได้ตกลงยอมให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามหมายบังคับคดีเพียง15,000บาทจริงก็ตามแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็แถลงในวันเดียวกันว่าข้อตกลงดังกล่าวผู้แทนโจทก์และจำเลยตกลงกันเองเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้รับรู้ด้วยทั้งเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสำนวนการบังคับคดีแล้วก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับข้อตกลงการชำระหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยส่วนที่จำเลยนำเงินจำนวน7,000บาทไปชำระไว้ที่ศาลนั้นจำเลยได้ยื่นคำแถลงประกอบมีข้อความเพียงว่านำเงินที่ยังเป็นหนี้โจทก์อยู่3,000บาทมาชำระและในวันที่10กันยายน2535จำเลยได้นำเงินชำระโจทก์แล้ว12,000บาทเท่านั้นจำเลยไม่ได้ส่งหรือแสดงหลักฐานการตกลงนั้นต่อศาลเพิ่งมาส่งภายหลังจากที่มีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยไปแล้วจึงไม่มีทางที่ศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีจะล่วงรู้และรับรองข้อตกลงระหว่างผู้แทนโจทก์กับจำเลยนั้นได้ข้อตกลงที่ผู้แทนโจทก์ยอมลดค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามหมายบังคับคดีลงเหลือเพียง15,000บาทจึงเป็นข้อตกลงนอกศาลไม่ผูกพันศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำต้องถือตาม การที่จำเลยนำเงินตามข้อตกลงส่วนหนึ่งไปชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีอีกส่วนหนึ่งกับนำไปชำระที่ศาลและการชำระเงินก็ไม่ครบถ้วนไม่ว่าตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้หรือตามหมายบังคับคดีและบัญชีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำขึ้นว่าเมื่อหักหนี้แล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ตามหมายบังคับคดีเป็นเงิน8,149บาทจำเลยยังไม่ได้นำมาชำระให้อีกต้องถือว่าจำเลยยังมีหนี้ค่าเสียหายที่ต้องชำระให้โจทก์ตามหมายบังคับคดีเมื่อผู้รับมอบอำนาจโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยต่อไปเนื่องจากจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ยังไม่ครบถ้วนเจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271และมาตรา278การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขออนุญาตศาลขายทอดตลาดตลาดที่ดินของจำเลยและดำเนินการบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยในเวลาต่อมาจึงเป็นไปตามขั้นตอนและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บัญญัติไว้ การขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบแล้วซึ่งจำเลยได้ทราบล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะมีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งแรกแล้วส่วนการประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งที่สองแม้จำเลยจะอ้างว่าการประกาศแจ้งวันนัดแก่จำเลยไม่ชอบแต่ก็ปรากฎข้ออ้างของจำเลยว่าการส่งหมายไม่ชอบเมื่อปรากฎว่าเจ้าพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งที่สองไปส่งแก่จำเลยแต่จำเลยไม่อยู่จึงปิดไว้ที่บ้านจำเลยการแจ้งวันกำหนดนัดแก่จำเลยครั้งที่สองนี้ใช้วิธีปิดหมายเช่นเดียวกันกับครั้งแรกซึ่งในครั้งแรกจำเลยก็ได้ทราบกำหนดนัดขายทอดตลาดแล้วซึ่งมีเหตุผลน่าเชื่อว่าจำเลยน่าจะได้ทราบวันนัดขายทอดตลาดครั้งที่สองแล้วโดยวิธีและในทำนองเดียวกัน จำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ตามข้อตกลงให้โจทก์ครบถ้วนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยอีกไม่ได้จำเลยก็น่าจะต้องขวนขวายโต้แย้งคัดค้านไม่ให้มีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยหรือให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยพลันแต่จำเลยหาได้ทำไม่จนกระทั่งการขาดทอดตลาดที่ดินของจำเลยเสร็จสิ้นและนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้ให้โจทก์และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดแล้วถือว่าการบังคับคดีเสร็จลงจำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินน.ส.3 ก. ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยตกลงกับโจทก์ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ 15,000 บาท จำเลยชำระหนี้จำนวนนี้เสร็จก่อนกำหนดขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว แต่ยังมีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นสอบผู้แทนโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันนัดพร้อมแล้วงดไต่สวนและมีคำสั่งว่า โจทก์ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากเงินที่ขายทรัพย์ไปจากเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 การบังคับคดีสำหรับที่ดินของจำเลยเสร็จสิ้นลงแล้ว แม้ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่จำเลยอ้างว่าการส่งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ให้แก่จำเลยไม่ชอบก็ตามแต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดไว้เมื่อวันที่3 ธันวาคม 2536 หลังจากการสั่งคับคดีเสร็จสิ้นลงแล้ว มิได้ยื่นคำร้องคัดค้านเสียก่อนการบังคับคดีเสร็จสิ้นลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง ให้ยกคำร้อง
จำเลย อุทธรณ์ ขอให้ ไต่สวน คำร้องขอ งจำเลย
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยนำเงินจำนวน 12,000 บาทและ 3,000 บาท ไปชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ตามภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินที่ส่งศาลนั้นแม้จะได้ความจากผู้แทนโจทก์ในวันที่ศาลสอบข้อเท็จจริงว่าผู้แทนโจทก์ได้ตกลงยอมให้จำเลยชำระค่าเสียหายตามหมายบังคับคดีเพียง 15,000 บาท จริงก็ตาม แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีก็แถลงในวันเดียวกันว่าข้อตกลงดังกล่าวผู้แทนโจทก์และจำเลยตกลงกันเอง เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้รับรู้ด้วย ทั้งเมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีตรวจสำนวนการบังคับคดีแล้วก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับข้อตกลงการชำระหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลย ส่วนที่จำเลยนำเงินจำนวน 3,000 บาท ไปชำระไว้ที่ศาลนั้นจำเลยได้ยื่นคำแถลงประกอบมีข้อความเพียงว่า นำเงินที่ยังเป็นหนี้โจทก์อยู่3,000 บาท มาชำระ และในวันที่ 10 กันยายน 2535 จำเลยได้นำเงินชำระโจทก์แล้ว 12,000 บาท เท่านั้นจำเลยไม่ได้ส่งหรือแสดงหลักฐานการตกลงนั้นต่อศาล เพิ่งมาส่งภายหลังจากที่มีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยไปแล้ว จึงไม่มีทางที่ศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีจะล่วงรู้และรับรองข้อตกลงระหว่างผู้แทนโจทก์กับจำเลยนั้นได้ ข้อตกลงที่ผู้แทนโจทก์ยอมลดค่าเสียหายที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามหมายบังคับคดีลงเหลือเพียง 15,000 บาทจึงเป็นข้อตกลงนอกศาลไม่ผูกพันศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำต้องถือตาม การที่จำเลยนำเงินตามข้อตกลงส่วนหนึ่งไปชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี อีกส่วนหนึ่งกับนำไปชำระที่ศาลและการชำระเงินก็ไม่ครบถ้วนไม่ว่าตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้หรือตามหมายบังคับคดี ดังปรากฎตามรายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีฉบับลงวันที่ 7 ธันวาคม 2536 และบัญชีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจัดทำขึ้นว่า ณ วันที่ 10 กันยายน 2535 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยนำเงินจำนวน 12,000 บาท มาชำระแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีนั้นเมื่อหักหนี้แล้วจำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ตามหมายบังคับคดีเป็นเงิน 8,149 บาท จำเลยยังไม่ได้นำมาชำระให้อีก ต้องถือว่าจำเลยยังมีหนี้ค่าเสียหายที่ต้องชำระให้โจทก์ตามหมายบังคับคดี ดังนั้น เมื่อปรากฎว่าในวันที่ 17 มีนาคม 2536ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยต่อไปเนื่องจากจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ยังไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานบังคับคดีย่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินคดีการบังคับคดีต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 และมาตรา 278การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขออนุญาตศาลขายทอดตลาดที่ดินของจำเลย และดำเนินการบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยในเวลาต่อมาจึงเป็นไปตามขั้นตอนและตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บัญญัติไว้ ได้ความจากเจ้าพนักงานบังคับคดีอีกว่าการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยทราบแล้วซึ่งในข้อนี้จำเลยได้ยอมรับตามคำร้องฉบับแรกของจำเลยว่าจำเลยได้ทราบล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะมีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งแรกในวันที่ 6 กรกฎาคม2536 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามนั้น ส่วนการประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งที่สองในวันที่ 18 สิงหาคม 2536 นั้นแม้จำเลยจะอ้างว่าการประกาศแจ้งวันนัดแก่จำเลยไม่ชอบ แต่ก็ปรากฎข้ออ้างตามคำร้องฉบับที่สองของจำเลยว่าการส่งหมายไม่ชอบเป็นเพราะตามรายงานการเดินหมายของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2536 แจ้งว่าไม่พบจำเลยสอบถามบ้านใกล้เคียงเลขที่ 105/5-6 ได้ความว่าจำเลยไปอยู่ต่างจังหวัดไม่ทราบเวลากลับแน่นอนจึงปิดประกาศให้จำเลยทราบซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะความจริงในช่วงเวลานั้น จำเลยอยู่อาศัยที่บ้านเลขที่ 105/7 ตลอดเวลาไม่ได้ไปไหนเลย ข้ออ้างของจำเลยนี้ย่อมแสดงให้เห็นชัดอยู่ในตัวว่าเจ้าพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดประกาศขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยครั้งที่สองไปส่งแก่จำเลย แต่จำเลยไม่อยู่จึงปิดไว้ที่บ้านจำเลยตั้งแต่วันที่ 13กรกฎาคม 2536 แล้ว การแจ้งวันกำหนดนัดแก่จำเลยครั้งที่สองนี้ใช้วิธีปิดหมายเช่นเดียวกันกับครั้งแรก ซึ่งในครั้งแรกจำเลยก็ได้ทราบกำหนดนัดขายทอดตลาดแล้วตามที่ได้วินิจฉัยมาจำเลยอธิบายการทราบนัดครั้งแรกไว้ในคำร้องของจำเลยฉบับที่สองแผ่นที่สองตอนท้ายว่า “จำเลยมีโรคประจำตัวต้องมารักษาตัวตามแพทย์นัดเพื่อผ่าตัดต้นคอที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15มิถุนายน 2536 เจ้าพนักงานเดินหมายได้ปิดหมายที่บ้านจำเลยซึ่งญาติจำเลยโทรศัพท์บอกจำเลยที่กรุงเทพฯ” ดังนี้ ย่อมมีเหตุผลน่าเชื่อว่า จำเลยน่าจะได้ทราบวันนัดขายทอดตลาดครั้งที่สองแล้วโดยวิธีและในทำนองเดียวกัน เมื่อจำเลยอ้างว่าได้ชำระหนี้ตามข้อตกลงให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยอีกไม่ได้จำเลยก็น่าจะต้องขวนขวายโต้แย้งคัดค้านไม่ให้มีการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยหรือให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยพลัน แต่จำเลยหาได้ทำไม่ จนกระทั่งการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยเสร็จสิ้นนำเงินที่ขายได้ชำระหนี้ให้โจทก์และเจ้าพนักงานที่ดินได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้ทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดแล้ว ถือว่าการบังคับคดีเสร็จลง จำเลยจึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ไม่ว่าเหตุผลใด
พิพากษายืน

Share