แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ป.พ.พ. มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปีไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่จะต้องแบ่งตาม ป.พ.พ. ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม ม.164.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันลักทรัพย์ของโจทก์ไปรวมราคา ๔,๖๔๕ บาท จึงขอให้ลงโทษตาม ก.ม.อาญา ม.๒๘๘,๒๘๙,๒๙๓,๒๙๕,๖๓ และให้ใช้ราคาทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เคยเป็นสามีภริยากัน แต่หย่าขาดกันแล้วเมื่อ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ ยังไม่ได้แบ่งทรัพย์กัน จำเลยที่ ๒ และ ๓ เป็นบุตร ของโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ ๒ ไปชนของส่วนตัวซึ่งอยู่ที่ร้านโจทก์ จำเลยที่ ๓ ไปช่วยจำเลยที่ ๒ ขน ไม่ได้เอาทรัพย์อย่างอื่นมาด้วย
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วงดสืบพยานจำเลย ฟังข้อเท็จจริงว่าทรัพย์ต่าง ๆ นอกจากเงิน ๒,๐๐๐ บาทเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ จำเลยไม่มีเกยยะจิตเป็นโจร ไม่มีมูลเป็นผิดอาญา และจะบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ไม่ได้ พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนข้อโต้เถียงทางแพ่งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ป.พ.พ. ม.๑๘๕ เป็นบทบัญญัติขยายอายุความของสิทธิเรียกร้องระหว่างสามีภริยา หาใช่ว่าถ้าทรัพย์สินตกอยู่แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิน ๑ ปีแล้ว ฝ่ายที่ครอบครองทรัพย์อยู่นั้นจะได้กรรมสิทธิ์ไม่ การแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตาม ป.พ.พ.ม.๑๕๑๒ มิได้กำหนดเวลาการใช้สิทธิลงไว้ จึงต้องใช้อายุความ ๑๐ ปีตาม ม.๑๖๔ ส่วนในเรื่องคืนทรัพย์นั้นพยานหลักฐานที่ได้ความยังไม่พอชี้ขาดได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน.