คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9498/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยไม่พอใจการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยอาจขอให้มีการพิจารณาการประเมินนั้นใหม่ได้ตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 25 แต่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มีมติยืนตามการประเมินที่แจ้งไป แล้วต่อมาคณะเทศมนตรีเมืองหนองคายมีคำชี้ขาดการประเมิน แล้วจำเลยยังไม่พอใจ จำเลยอาจนำคดีมาสู่ศาลได้ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำชี้ขาดตามมาตรา 31 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระเสียก่อนตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง เมื่อจำเลยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 31 วรรคหนึ่ง และมาตรา 39 วรรคหนึ่ง จำเลยจึงไม่มีสิทธิโต้แย้งการประเมินดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระภาษีโรงเรือนและที่ดินพร้อมเงินเพิ่มจำนวน 502,514.52 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและเงินเพิ่มจำนวน 502,514.52 บาท แก่โจทก์ ให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 8,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่าจำเลยอุทธรณ์เป็นปัญหาว่า การประเมินค่ารายปี ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับคำวินิจฉัยชี้ขาดของโจทก์ตามฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและเงินเพิ่มตามฟ้องหรือไม่เพียงใด เห็นควรวินิจฉัยไปในคราวเดียวกัน ปัญหาดังกล่าวข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้แจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2539 ให้จำเลยชำระแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินต่อโจทก์ คณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มีมติยืนตามการประเมินที่แจ้งไปแล้ว ต่อมาคณะเทศมนตรีเมืองหนองคายมีความเห็นให้ลดลงจากที่ประเมินเรียกเก็บเดิมเป็นเงิน 652,616.25 บาท เหลือเพียง 456,831.38 บาท และได้แจ้งผลการชี้ขาดให้จำเลยทราบตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2540 แต่จำเลยก็มิได้ชำระค่าภาษีแต่อย่างใด คงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนพ้นกำหนด 30 วัน ตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 นับแต่จำเลยได้รับแจ้งผลการชี้ขาดแล้ว จำเลยได้ทำหนังสือถึงโจทก์ขอให้ทบทวนคำชี้ขาด แต่โจทก์ยืนยันความเห็นเดิมที่ให้จำเลยชำระค่าภาษีตามที่ลดให้เหลือ 456,831.38 บาท จำเลยไม่พอใจได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมาธิการปกครองสภาผู้แทนราษฎร โจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 เมื่อจำเลยไม่พอใจการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์จึงได้ขอให้พิจารณาการประเมินนั้นใหม่เป็นการปฏิบัติตามนัยของมาตรา 25 แห่งบทกฎหมายดังกล่าว ชอบด้วยวิถีทางที่กฎหมายบัญญัติ แต่เมื่อคณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มีมติยืนตามการประเมินที่แจ้งไปแล้ว ต่อมาคณะเทศมนตรีเมืองหนองคายมีคำชี้ขาดการประเมินแล้วจำเลยยังไม่พอใจ จำเลยอาจนำคดีมาสู่ศาลเพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่าการประเมินนั้นไม่ถูกต้องก็ได้ แต่ต้องทำภายในสามสิบวัน นับตั้งแต่วันรับแจ้งความให้ทราบคำชี้ขาดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 31 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้จำเลยจะต้องชำระค่าภาษีทั้งสิ้นซึ่งถึงกำหนดต้องชำระเสียก่อนตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงจะชอบด้วยวิถีทางของกฎหมายดังกล่าวมา เมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 31 วรรคหนึ่ง และมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แต่ประการใดเลยเช่นนี้ จำเลยก็ไม่มีสิทธิแต่ประการใดเลยเช่นกันที่จะโต้แย้งได้ว่า การประเมินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ไม่ชอบ แม้ศาลชั้นต้นจะวินิจฉัยถึงเนื้อหาของการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์มาว่า มีเหตุผลอย่างไร ก็หาทำให้กลายเป็นว่าจำเลยมีสิทธิต่อสู้ว่าการประเมินไม่ถูกต้องไปได้ไม่ การประเมินค่ารายปี ค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน กับคำวินิจฉัยชี้ขาดของโจทก์ตามฟ้องชอบด้วยกฎหมายแล้ว จำเลยต้องรับผิดชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินและเงินเพิ่มตามฟ้อง คำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.

Share